Pages

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ wifi แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ wifi แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์, กันยายน 04, 2558

รีวิว : Mi WiFi Router Mini #2 - ความเจ๋งอยู่ที่ mobile !




หลังจากรีวิวครั้งที่แล้ว ถ้าดูตาม feature router ธรรมดาก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเด่นสำหรับ Mi WiFi Router Mini เมื่อเทียบกับยี่ห้อที่เป็นเจ้าตลาดอยู่แล้ว ก็เลยลองไปนั่งโหลด mobile app มาใช้ดู แทบจะอยากเลิกบ่นเรื่องภาษาจีนใน blog ที่แล้วเลยทีเดียว ...



Mi Router App เป็น Mobile app ที่ใช้สำหรับ Xiaomi Router ทุกตัวไม่ว่าจะเป็น ตัวให​ญ่สุดไปจนถึงนาโน จุดที่หลุดไปเมื่อ รีวิวคราวที่แล้วคือ Xiaomi มีการทำ Dynamic DNS ให้กับ Router เราโดยผ่าน Xiaomi Account ซึ่งทำให้เราสามารถ เข้าถึงอุปกรณ์ทุกตัวที่ลงทะเบียนไว้ ได้จากทุกที่ที่มี internet !!
หลักๆ แล้ว มีหน้าตาประมาณนี้


Menu หลักๆ จะมี 4 menu คือ Router / Storage / Online / Plug-ins โดยจะขอข้าม Online นะครับเนื่องจากเป็น การ download content ภาษาจีน lol

Router Menu


เป็น Menu ที่ใช้บอกสถานะ ว่ามี Device อะไรต่ออยู่บ้าง การต่อพ่วงอุปกรณ์ รองรับการต่อแบบ WPS ได้ด้วย เมื่อ click แต่ละ device เข้าไปจะเจอเมนู จัดการ permission ของ device นั้น ซึ่งจัดมาให้แบบครบๆ 



ไม่ว่าจะเป็น ไม่ให้ต่อเนต / เข้าใช้ content ของ router / แจ้งเตือนเวลา device นั้นๆ ต่อ / block 
หรือแม้แต่ QoS ก็มาพร้อมๆ ให้ set ในจุดเดียว

Storage Menu



ใน Storage Menu จะมีเมนูด้านบน 2 menu ด้านซ้ายสำหรับเลือก storage ด้านขวาสำหรับจัดการ  storage ปัจจุบัน ในการเข้าถึง content บน router นั้น device ที่จะใช้ต้องมี permission ที่ตั้งไว้ในหน้าจอ Router Menu ก่อนถึงจะสามารถใช้งานได้ครับ เป็น uPnP ปกติ

Plugins Menu



ในส่วนของ plugins จะมี menu ให้ทำการ setting ค่าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น password  WiFi
หรือแม้แต่การตั้งเวลา sleep / reboot



Network Optimisation 

เป็นอีก Feature ยอดฮิตสำหรับ WiFi ตามบ้านที่ช่วยทำให้เราสามารถใช้สัญญาณ WiFi ได้เต็มประสิทธิภาพโดยเลี่ยงจากการโดนสัญญาณ WiFi จากบ้านอื่นมารบกวน
ให้น้อยที่สุด Mi Router App ก็มี feature นี้มาให้ใช้กันได้เลยทันที


Bandwidth Management



ถ้าเป็น Router ปกติเรามารถ set ได้จาก QoS menu แต่ Mi Router App ก็มี Feature นี้ให้มาพร้อมกับวัด speed ณ ปัจจุบันให้ด้วยว่าเราได้ speed จาก ISP มาเท่าไหร่ ... ( เนต 10mb ทำไมได้แค่ 8 ฟระ )

Phone Backup

Feature นี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปเยอะๆ แต่ไม่ได้ใช้ Cloud Storage อย่าง Google Photo โดย Mi Router App จะทำการ backup รูปที่เรามีไปใส่ไว้ใน storage ของ Router ให้ทันทีเมื่อต่อเข้า WiFi กลัวมือถือโดนขโมย แล้วรูปหาย ... อันนี้เด็ดมาก 

สรุป


จากสองรีวิว สรุปได้ว่า Mi WiFi Router Mini เป็นอีกตัวเลือกสำหรับ WiFi Router ที่ใช้ในบ้าน 
ในราคาสบายกระเป๋า แต่จัดเต็มมาด้วย dual channel n/ac พร้อมกับ Mobile App ที่พร้อมใข้งาน
กับ IoT ( internet of things ) Product อื่นๆ ของ Xiaomi .... เรียกได้ว่า convergence มากๆ
ต้องรอดูว่า Xiaomi จะขับเคลื่อน model นี้ได้เท่ากับ ecosystem ของ apple หรือไม่ ดูกันยาวๆ :)


ข้อดี 

- WiFi dual channel n/ac - iphone 5 ต่อได้แค่ n ... เศร้าไป
- Mobile App / Photo Backup / UPnP
- Bit ได้แต่ยังไม่ได้ลอง .. lol
- รองรับ WiFi Extender USB ( ประมาณ 650 บาท ต่อชิ้น )
- ราคาถูก

ข้อเสีย

- LAN port 1/100 ( ไม่ได้ gigabit LAN เมื่อเทียบกับ ASUS )
- ระยะ WiFi ประมาณ 60 เมตร แม้ตั้งค่าแบบทะลุกำแพงแล้ว
- web-base app  ยังไม่มีภาษาอังกฤษ
- เครื่องหิ้ว ... ประกันที่จีน 1 ปี เสียทีซื้อใหม่ น่าจะคุ้มกว่า


วันพุธ, สิงหาคม 26, 2558

รีวิว : Mi WiFi Router Mini


ห่างหายไปนาน(มาก) มาวันนี้มีภารกิจที่ต้องรีบรีวิว Mi WiFi Router Mini ตัวนี้ครับ ...
ดองไว้นานเกินไปแล้ว lol

ช่วงหลังๆ มานี้ต้องยอมรับว่า Xiaomi มีของเล่นมาให้ดูดตังบ่อยเอามากๆ ไม่ว่าจะเป็นลำโพง
หรือพวกอุปกรณ์เพื่อสุขภาพต่างๆ แต่ที่น่าสนใจคือ Xiaomi เองแทบจะทำสินค้าหลายแนวมาก
แต่ที่ต้องจับตาดูเป็นพิเศษ คงหนีไม่พ้น WiFi Router ซึ่งค่อนข้างเป็นหัวใจหลัก
ในการใช้อินเตอร์เนตเลยทีเดียว

ว่าด้วย Spec ของเจ้า Xiaomi WiFi Router นี้ แบบคร่าวๆ สำหรับชาว IT มีดังต่อไปนี้
Xiaomi Mi Wi-Fi Mini router specifications:
  • Wi-Fi SoC – Mediatek MT7620A @ 580MHz
  • System Memory – 128 MB DDR2
  • Storage – 16 MB SPI flash memory
  • Wi-Fi
    • Protocols – IEEE 802.11a/b/g/n/ac
    • Transmission Rate – 300Mbps max @ 2.4GHz, 867 Mbps max @ 5GHz
    • Wireless Security – WPA-PSK/WPA2-PSK encryption
    • 2.4 GHz Channels: 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10 ,11, 12, 13;
    • 5 GHz Channels: 149, 153, 157, 161, 165;
    • 5 GHz DFS (dynamic frequancy selection) channels: 36, 40, 44, 48, 52, 56, 60, 64;
  • Ethernet – 2x LAN (Fast Ethernet), 1x WAN (Fast Ethernet)
  • USB – 1x USB 2.0 host port for external mass storage or 3GB dongle
  • Power – 5V?
  • Dimensions – 14.9 cm x 13.8 cm x 3 cm
  • Weight – 253 grams


Read more: http://www.cnx-software.com/2014/09/03/xiaomi-mi-wi-fi-mini-802-11ac-router-can-now-be-purchased-for-45/#ixzz3jqf02evV
แต่ถ้าเอาสรุปคร่าวๆ แบบชาวบ้าน คือ
WiFi Router ที่ปล่อย สัญญาณ WiFi ในโหมด n และ ac ได้พร้อมๆ กัน และทำ media server ได้ด้วย โดยสนนราคา ค่าตัวไม่ถึง 1500 ....

ซึ่งเมื่อเทียบกับรุ่นใหญ่อย่าง RT-N66u แล้วอาจจะมอง Mi WiFi Mini
เป็นของเล่นไปเลยก็เป็นได้มาดูกันดีกว่า


ด้วยตัวกล่องของ MI WiFi Mini ไม่ได้ใหญ่มากนักประมาณ ครึ่งกระดาษ A4
เท่าที่สังเกตสินค้าหลังๆ ของ Xiaomi ถ้าราคาเกิน 150 หยวนและชิ้นไม่ใหญ่มาก
จะมีการ seal พลาสติกใสมาให้ เพราะต้องยอมรับว่า Xiaomi ก็เป็นแบรนด์จีนที่โดนเพื่อนร่วมชาติ
ก๊อปของมาขายเหมือนกัน การ seal สินค้า หรือพวก sticker ยืนยันว่าของแท้นั้น จึงมีให้เห็นบ่อยๆ
กับแบรนด์ดังในจีน


เมื่อเปิดออกมาจะเห็น Router เลยซึ่งในกล่องค่อนข้างขี้เหนียว ไม่ให้สาย LAN มาซักเส้น >.>
แนะนำว่าก่อนติดตั้งต้องหามาเผื่อไว้ครับ



เมื่อต่อเสร็จหน้าตาจะประมาณนี้ ค่อนข้างเหมือน magic trackpad แบบใส่เสามากเลยทีเดียว ...



ซอฟแวร์ที่รีวิว จะเป็น version 2.4.9 stable ครับ สามารถหาโหลดได้ตาม link นี้
ตัว ROM เองถ้าเป็น dev version จะมีตัวใหม่ให้เล่นทุกสัปดาห์ แต่ถ้าเป็น user ธรรมดา แนะนำตัว  stable ครับ ช้าหน่อยแต่ไม่ต้อง update ถี่


หน้าจอหลักๆของการทำงานจะมี ดู Router Status / Memory Status / Common Setting และ Advance Setting โดย Common Setting จะเป็นการตั้งค่าการทำงานปกติทั่วไปเช่น การตั้งค่า WiFi / Mode การทำงาน หรือ รหัสผ่านต่างๆ ที่ใช้ในระบบ




ระบบความปลอดภัยของ Mi Wifi Mini นั้นจะใช้ password wifi ในการเข้าถึงการตั้งค่าของ router ได้ แต่หากต้องการตั้ง password สำหรับ admin ก็สามารถทำได้เช่นกันใน Security Center



Mode การทำงานของ Router จะมี สาม โหมดได้แก่



  • WiFi Router ปกติ
  • WiFi Repeater ไว้ขยายสัญญาณในกรณีมีจุดอับสัญญาณ
  • WiFi Relay ไว้ขยายสัญญาณ เช่นกัน แต่จะเป็นการต่อ WAN port จาก router อีกเครื่อง

สำหรับ Advance Setting จะเป็นการตั้งค่าเกี่ยวกับ QoS / DDNS หรือพวก port Forwarding
ที่คนธรรมดา ไม่ค่อยได้ set กัน


การตั้งค่าส่วนใหญ่ก็จะมีตามมาตรฐาน สิ่งที่น่าสนใจมากกว่าคือ ความแรงของสัญญาณ WiFi ...
โดยสัญญาณ ที่ปล่อยออกมานั้นจะเป็นแบบ Dual Channel ( b/g/n กับ ac )
ซึ่งอุปกรณ์ส่วนใหญ่จะรับ b/g/n ได้อยู่แล้ว สำหรับ ac นี่
คงมีแต่พวก high-end device อย่าง iPhone 6 เป็นต้นครับ


อนึ่ง ขณะที่รีวิวนั้น ได้นั่งอยู่ข้าง Router สัญญาณที่ได้รับเลยอาจจะดีเป็นพิเศษ
แต่ตัว Router เองก็มี config ให้เราตั้งได้ว่าต้องการสัญญาณแรงแค่ไหน ...
ไว้ได้ลองอีกรอบจะเอามา update ให้ครับ

จุดลำบากที่สุดของการใช้ Mi WiFi Router Mini คงหนีไม่พ้น เมนูทั้งหมดเป็นภาษาจีนครับ ...
แต่เรายังไม่สิ้นหวังขนาดนั้นเพราะว่า เรามี Google translate !! หากใช้งานจริงๆ เราสามารถ config wifi แบบดำน้ำไปก่อน แล้วค่อยมา ตั้งค่าละเอียดทีหลังก็สามารถทำได้
และมี Mobile App ที่ใช้ในการตั้งค่าได้ด้วย

สรุป

ถือว่าเป็นเล็กพริกขี้หนู ที่มีของในรุ่นใหญ่ให้มาแบบเกือบจัดเต็ม
แต่จุดยากคงหนีไม่พ้น เมนูภาษาจีน ที่อาจจะทำให้น่ารำคาญ ไม่มาก ก็น้อย ....


วันพุธ, ธันวาคม 26, 2555

รีวิว : Asus RT-N66U : ของแรงประจำบ้าน


หลังจากถอย iPhone 5 ได้มาไม่นาน ก็พบว่ามันมีบั๊กอยู่หลายจุด
ที่ใช้งานแล้วค่อนข้างมีปัญหา ... แต่ปัญหาที่ใหญ่สุดดูจะเป็นส่วนที่ใช้งาน WiFi 
ที่แม้แต่ iPad 2 ของคุณแม่ก็ยังเจอปัญหา ... ครั้นจะโทษเฉพาะ iOS ก็ดูจะขี้โกงไปหน่อย ...
ประกอบกับอยากได้ router มาใช้กับ AirNet ให้เต็มประสิทธิภาพอยู่แล้ว
ก็เลยมองหาของแรง มาใช้งานครับ :)

Asus RT-N66U ก็เป็น router ที่ค่อนข้างนอกสายตาในตอนแรก
เพราะเป็นสาวกจานบิน( Cisco LinkSys ) อยู่ก่อนก็เลยไม่มั่นใจในประสิทธิภาพเท่าไหร่ ... 
จนได้มาดู วิดีโอ ประกอบกับแรงยุ ของเพื่อนๆ พี่ๆ ที่ออฟฟิศ ก็เลยจัดมา ...
สำหรับ spec ดูได้ ที่นี่ 


ค่าตัวที่จัดมา อยู่ที่ 5,690 (9 Dec 2012 ) ไปถอยมาจากพันทิพย์ ประตูน้ำ ...
เดินหลายร้านอยู่ ค่าตัวไม่เท่ากัน ที่ได้มาก็ถูกสุดเท่าที่หาได้ ...
ความน่าสนใจของ RT-N66U คือ Asus ใจป้ำ จัดประกันมาให้เต็มๆ 5 ปี ...
ถัวๆ กันแล้วตกปีละ พัน ... ถ้าเทียบกับเนตที่เสียเดือนละ 6xx ก็พอรับได้


ในกล่องแถม Kaspersky มาให้ แต่  Desktop ที่บ้านใช้ Window 8 ไปแล้ว
เลยยังคิดไม่ออกว่าจะเอามันไปทำอะไรต่อดี


ก่อนซื้อก็ลังเลอยู่นาน ระหว่าง LinkSys EA4500 กับ RT-N66U
แต่พอมา weight ด้าน feature แล้ว พบว่า RT-N66U แถม USB มาให้ 2 port ..
ในขณะที่ Linksys แถมมาให้แค่ port เดียว ... แถมทำ download server ไม่ได้ด้วย ...
dd-wrt ก็ไม่ support ป่วยจิต ... เลยทำให้ตัดใจเลิกเป็นสาวกจานบิน ด้วยเหตุฉะนี้ ...


ตัว Router สามารถตั้งในแนวตั้งได้ โดยใส่ขาตั้งเข้าไป ... ขาตั้งจะเป็นแบบสลัก ... 
แอบใส่ยากพอสมควร แต่พอลงล๊อกแล้ว แน่นมาก .... ครั้นจะถอดออกก็กลัวขาตั้งหัก ...


เทียบกับ NDSL แล้วจะเห็นว่าไม่ใหญ่เท่าไหร่ ตั้งบนโต๊ะได้ชิวๆ ...


ด้วย Speed ระดับ Wireless N900 ... จะให้ notebook ที่รองรับ Wireless N อยู่แล้ว
อีกทั้ง router ก็ support การปล่อย hotspot แบบ dual channel บน SSID เดียวกันอยู่แล้ว
ดังนั้นการที่จะดึงไฟล์ในวง LAN สะดวกกว่าเดิมหลายเท่ามาก ...
แต่เนื่องจาก iOS ยังมี Bug อยู่ ... ก็วิ่งบน 2.4GHz ต่อไป ...


สรุปการใช้งาน 

  • ระยะ WiFi อยู่ประมาณ ... 150-200 เมตร ในที่แจ้ง ... ( วัดจากสัญญาณแสดงใน iPhone )
  • Dual WiFi Channel 2.4Ghz + 5Ghz .. กำหนด speed แยกแต่ละ Channel ได้
  • ต้อง config Channel ที่มีใน router ให้ถูกเพราะอุปกรณ์ที่นำไปต่อ อาจจะมี Channel น้อยกว่า
    ( mbp ที่ลองมี channel น้อยกว่าหาคลื่น 5Ghz ไม่เจอ จนต้องไปปรับ router ให้ตรงกัน )
  • ด้วยระดับราคา ที่เป็น Enterprise (เหรอเปล่า) Feature QoS เลยมีเหลือๆ
    รวมไปถึง Parental Control ... ใช้งานได้จนลูกบวช ...
  • โหลดบิตได้ ไม่ต้องเปิดคอม เสียบ USB ตั้งค่า .... ปล่อยยาว ...
  •  Streaming ... ยังไม่ได้ลองกับ HD Player ว่าจะเป็นยังไง ...
    แต่ transfer file บน 2.4GHz ก็เหลือๆ แล้วนะ  อยากได้เร็วกว่านี้คงต้องลากสาย LAN
  • LAN 1Gigabit ... วิ่งกันลื่นหัวแตก ... ไปคอขวดที่ modem แทน ...
  • เนื่องจากเป็น Wireless router การใช้งานเลยต้องมี modem อยู่แล้ว ...
    และต้องต่อ modem เข้าช่อง WAN ยังหาวิธี bridge ไม่ได้ ทำ NAT ได้อย่างเดียว ....
  • EA4500 โชว์ว่ามี Cloud และ มี Mobile App Support ....
    ของ Asus ก็มีเหมือนกัน มี DDNS ให้ด้วย แต่ Airnet เป็น private LAN เลยอดใช้ไป ...
  • ปุ่ม power อยู่ใกล้ที่เสียบ USB ... เวลาเสียบ USB ต้องระวังโดนปุ่ม power ...
  • ถ้านำ Aircard มาเสียบใน ช่อง USB ... router จะเปลี่ยนไปใช้ USB อัตโนมัติ

Q&A อื่นๆ
  • Q: สาวก apple ทั้งที ทำไมไม่ใช้ airport extreme
    A: ไม่ได้เป็นสาวก แต่ถึงเป็นสาวก ดู link นี้ก็เงิบ
  • Q: ทำไมไม่ใช้จานบิน
    A: มี usb port เดียว และ บิต ไม่ได้ เลยปิดการขาย
  • นึกไม่ออกแล้ว ... จบละกัน :P




วันอังคาร, ธันวาคม 13, 2554

ลองของใหม่กับ AIS AirNet


ตอนนี้น้ำท่วมที่บ้าน ลดและแห้งเป็นปกติแล้วครับ เลยย้ายกลับเข้ามาอยู่ที่บ้านแล้ว...
แต่ก็ยังจัดของไม่เรียบร้อยเท่าไหร่ ... และปรับปรุงบ้านกันยกใหญ่เลยทีเดียว

Internet ก็เป็นอีก 1 Requirement ที่อยากจะสังคายนา หลายรอบแล้ว ...
อันด้วยความจริงที่โหดร้ายเกี่ยวกับการเป็นบ้านที่อยู่รอบนอกของ กรุงเทพฯ
ความเจริญมักจะไม่ค่อยมาถึงซักเท่าไหร่ ... ตัวอย่างเช่น เนตสายเคเบิล ( Docis )
ยังไม่มีให้บริการแถวบ้าน จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้ลองของใหม่ครับ ....

สาเหตุที่เปลี่ยนจากเนตสาย มาเป็นเนตไร้สาย 

ไม่ใช่ว่าต้องการที่จะโชว์โก้ ...
แต่จริงๆ แล้ว มาจากความรู้สึกที่ว่า "ราคา" เป็นสาเหตุหลักที่ผลักดันให้เกิด action
ในเมื่อเราต้องตัดสินใจซื้อบริการที่ "ไม่คุ้มค่า" กับ "เงิน" ที่เราต้องจ่ายไป ....
ดังเช่น เสียค่าคู่สาย แต่ไม่ได้ใช้โทรศัพท์ เราจะทนจ่ายไปทำไม
ในเมื่อเงินของเราจ่ายไป แต่กลับไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย เป็นต้น ....

และได้เจอประสบการณ์ที่ไม่ค่อยจะดีกับเนตสายโทรศัพท์
ที่มีเสียงซ่าแทรกในสาย ... ทำให้สัญญาณเนต ดีบ้าง / ไม่ดีบ้าง ...
หรือแม้แต่ฝนตกแล้วเล่นเนต ได้บ้าง/ไม่ได้บ้าง ....

ครั้นเรียกเจ้าหน้าที่ มาตรวจสอบก็ไม่ยอมมาตรวจสอบสายในบ้านให้ใหม่ ....
โทรไปเรียกกี่ครั้งก็บอกเป็นที่ชุมสาย ....
และหลังจากที่ได้รับคำตอบว่า "แก้ไขให้เรียบร้อย" 
มันก็ไม่ได้ดีขึ้น .... จนถึงขนาดมีเจ้าหน้าที่มาพูดแนวๆว่า

"พี่ก็ยกเลิกแล้วให้เค้ามาเดินสายใหม่สิ ได้ router ฟรีด้วย ... "

ครั้นจะยกเลิก ... ก็กลับมาบอกว่า

"พี่อย่ายกเลิกเลย มันดำเนินการช้านะ เด๋วทาง xxxx จะจัดเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบใหม่"

ติดกับ loop นี้ มา 2-3 ปีได้ จนน้ำท่วมเลยได้โอกาสระงับ
และได้เวลาที่จะไปยกเลิก(เป็นการถาวร)ในเร็ววัน ครับ :)
(ลากสาย cable มาเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน)


คิดใหม่ทำใหม่ ... จาก KB ต่างๆ ...

เมื่อตัดสินใจที่จะติดแล้ว ก็ได้หาข้อมูลติดตามจากหลายๆ ที่ ไม่ว่าจะเป็น ...
ก็ทำให้เสียวๆ อยู่ว่าติดแล้วจะไม่ work ... เพราะเมื่อติดไปแล้ว
จะต้องทนใช้ให้ครบ 1 ปี ... ตามสัญญา.... ซึ่งถ้ามันไม่ดีจริง ก็คงไม่คุ้ม ... เท่าไหร่นัก ....
แต่เมื่อดูจากองค์ประกอบหลายๆ อย่างแล้ว ... ก็พบว่า ในราคา 590 บาท (ไม่รวม vat)
การที่จะได้ upload / download speed ระดับ 7Mb คงจะยากไม่ใช่น้อยจากค่ายเนต ต่างๆ ....
เลย ตกลงปลงใจ ที่จะติดครับ เสี่ยงเป็นเสี่ยง ....

รีวิวหลังติดตั้ง ....

ช่างที่มาติดตั้ง มีมา 2 คนครับ คนนึงติดตั้งเสา อีกคนตรวจสอบสัญญาณ ...
ด้วย AirNet เป็น WiFi ความถี่ที่ระดับ 5000MHz ( 5GHz ) จึงต้องมีการตั้งเสา
ให้หันไปหา Base ที่ปล่อยสัญญาณ ที่ใกล้ที่สุด
แต่โชคร้าย ที่ตำบลที่บ้านอยู่ยังไม่มี Base (แต่รอบๆ มีเกือบหมดแล้ว)
ทางช่างเค้าก็เลย ต้องหันสัญญาณ ไปรับ จาก ตำบล รอบๆ แทน ...


อุปกรณ์ติดตั้งก็มีตัวรับสัญญาณ กับ WiFi Router ... ซึ่งพอเอา router มาดูแล้ว ...
มันก็คือ ADSL + WiFi Router ยี่ห้อ Tenda ... (คาดว่า Linksys ที่ใช้อยู่จะดีกว่า ... )




ใช้เวลาทั้งหมด ตั้งแต่ 10 โมงเช้า ยัน เที่ยงครึ่ง ( บวกลบเองเน้อ ) ...
ต้องต่อเสาสูงขึ้นไป 4 เมตร  .... (จากผนังบ้านชั้นบน)
อันเนื่องด้วยคุณแม่ไม่อยากให้ติดบนหลังคา



จากรูปข้างบน จะเห็นได้ว่า สัญญาณ ค่อนข้างแกว่งน้อย แม้ลมจะแรงเอามากๆ ....
แต่ไม่ถึงกับดีที่สุดอันเนื่องมาจาก ไกล Base มาก ... แต่ด้วยค่า Rx และ Tx ไม่ถึง 100
จึงทำให้สัญญาณ ในบางช่วง drop ไปพอสมควร ....

สรุป ...
ก็ถือว่าถูกใจสำหรับ ราคา 590 บาท (ไม่รวม vat) แต่ไม่ต้องเสียค่าโทรศัพท์ฟรีๆ เดือนละ 107 บาท ... แม้ว่าสัญญาณ จะแกว่งบ้าง เพราะอยู่ไกล Base แต่ก็ ถือว่าอยู่ในระดับ "ยอมรับได้" เมือเทียบกับเนตจากสายโทรศัพท์ ... DNS ล่มบ่อยไปนิด แต่พอเปลี่ยนไปใช้ของ อากู๋ ปัญหาดังกล่าวก็หายไป ... โดยส่วนตัวต้องรอดูยาวๆ ... ไว้จะมารายงานให้ทราบ ต่อๆ ไปครับ .... :)