Pages

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ xiaomi แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ xiaomi แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์, มิถุนายน 16, 2561

รีวิว Mi Band 3 vs Amazfit Stratos


ช่วงนี้ เทรน Fitness กำลังมา แถมคุณภรรยา มองหา gadget ที่ไว้ใส่เวลาออกกำลังกาย จึงมีโอกาสได้มาเขียนรีวิว อุปกรณ์ กันอีกครั้ง ....

โจทย์ตั้งต้นของการซื้อ Fitness Tracking


จริงๆ แล้ว ตลาด fitness tracking ในไทย มียี่ห้อดังๆ อยู่ หลายเจ้า อาทิเช่น Garmin , Suunto หรือ Fitbit โดยราคาก็แตกต่างกันไปตาม Feature ที่ให้ หรือแม้แต่ amazfit pace ที่ขายตาม official mi shop ก็ดูหน้าสนใจไม่น้อย แต่สิ่งที่ต้องการคราวนี้ แอบไม่ธรรมดา ตรงที่ "ต้องใส่ว่ายน้ำได้ด้วย" จึงทำให้ต้องทำการบ้านในการศึกษารีวิวไม่ใช่น้อย ...

ทำไมต้อง Mi Band 3 / Amazfit Stratos ?


 จากที่ไปตามอ่านในรีวิวแต่ละรุ่น/ยี่ห้อมา ... การที่จะหา fitness tracking ที่รองรับใส่ว่ายน้ำได้ด้วยนั้น จะต้องรองรับมาตรฐานขั้นต่ำ คือ 5ATM ซึ่ง fitness tracking ( ต่อไปขอย่อว่า FT ) ที่ผ่านมาตรฐานตัวนี้นั้น มีราคาเริ่มต้นที่ 5,000+ อันได้แก่

- Samsung Gear Fit 2
- Garmin Vivoactive
- Fitbit ซักรุ่นจำชื่อไม่ได้

ซึ่งแต่ละตัวนั้น บางรุ่นก็ built-in GPS บางรุ่นก็ไม่มี
หาข้อมูลรีวิวก็ลำบาก แถมบางรุ่นไม่ support iOS อีก เลยทำให้ตัดสินใจยากพอสมควร และถ้าจะฝห้เสถียรๆ ก็ต้องราคา 10k+ ที่ดูเหมือนจะไม่เหมาะกับ level 1 สักเท่าไหร่ ...

จึงเป็นเหตุที่หันมาดู Amazfit Stratos เป็นอันดับแรก

Amazfit Stratos ตัวเริ่มต้นสำหรับ (งบ) Beginner



ที่เรียกว่า (งบ) Beginner เพราะค่าตัวหลักพัน แต่ feature หลักหมื่น ... ทำอะไรได้บ้าง ?

- built-in GPS
- มีโหมด activity ในตัว ไม่ต้องพกมือถือขณะไปออกกำลังกาย
- ใส่เพลงแล้ว เล่นเพลงผ่าน หูฟัง BT ที่ paired ไว้ได้
- ชาร์จแบต 1 ครั้งต่อ 5 วัน (โดยประมาณ)
- วัด Heart Rate ( เดี๋ยวนี้น่าจะมีทุกรุ่น )
- App Notify / Call Notify
- ลงน้ำ 5ATM

ซึ่ง feature ที่มีคร่าวๆ เอาไปเทียบกับ ยี่ห้อดังๆ ราคาก็ 10k+ (ไม่รวมช่วงโปรโมชั่น) จึงทำให้ตัดสินใจไม่ยากเลยสำหรับตัวนี้ ... แต่ด้วย form factor ที่ค่อนข้างใหญ่ .... หากเทียบกับแขนผู้หญิงแล้ว ... ก็ไม่เล็กนะ.... หากคนใส่เป็นผู้หญิง ก็ต้องคิดไว้นิดนึง ... (แต่สุดท้ายคุณแฟนก็ใส่ แค่ไม่ชินช่วงแรกๆ)



Mi Band 3 สำหรับสาย Casual



หลังจากสั่งซื้อ amazfit stratos ปั๊บ mi band 3 ก็ออก ... ดูเหมือนสวรรค์ช่างกลั่นแกล้งนัก ... เลยสั่งมาใช้แก้เจ็บใจ ... แต่สิ่งที่ได้คือมันสู้ Amazfit Stratos ไม่ได้จริงๆ ...


เพราะถึงแม้จะลงน้ำ 5ATM ได้เหมือนกัน App/Call Notify เหมือนกัน แต่ activity ต่างๆ ยังคงต้องสั่งผ่านมือถือ และมีเพียง activity ง่ายๆ แค่ วิ่ง/วิ่งลู่/ปั่นจักรยาน เท่านั้น จึงเป็นไปได้ว่า ทาง mi ไม่ต้องการให้ line product มันทับกับบริษัทแม่อย่าง huami ก็เป็นได้ ...

สรุป 


สำหรับ level 1 อย่างเราๆ หากอยากได้ FT ที่ feature ดีๆ แต่งบไม่เยอะ ... ขอแนะนำให้ลองดู Amazfit ไว้พิจารณาครับ (ไม่ได้ค่าโฆษณา)
ในเรื่องความแม่นยำ ... อันนี้บอกไม่ได้ แต่ต้องเข้าใจหลักของ model ราคาว่า ... ยิ่งแม่นยำ ... ราคายิ่งสูง ... ดังนั้น หากต้องการให้แม่นยำในการวัดต่างๆ มากๆ แล้วล่ะก็ ... ข้ามๆ มันไปครับ

วันพฤหัสบดี, กันยายน 17, 2558

รีวิว : Mi WiFi Nano - จิ๋วแต่แจ๋ว


เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน ได้รับ Mi WiFi Nano ที่สั่งมา เร็วกว่ากำหนดการปกติ
เลยได้เวลาลัดคิวมาเขียนรีวิวกันก่อน อุปกรณ์ของ xiaomi ตัวอื่นๆ เลย :P

Mi WiFi Nano เป็น WiFi Router รุ่นเล็กสุดของ Xiaomi ที่
สนนราคารวมค่าขนส่งแล้วประมาณ 790 บาท
ที่ว่าเล็กสุดนั้นเล็กขนาดไหน ... มาเทียบขนาดกับซองใส่บัตรปกติได้เลย


ด้วยขนาดเท่าที่เห็น LAN port ของ Mi WiFi Nano จึงมีเพียง 2 LAN และ 1 WAN port ที่ 1/100M


power port ของ Mi WiFi Nano จะเป็น micro usb ซึ่งสามารถทำงานได้ประมาณ 30 ชั่วโมง
เมื่อเสียบกับ powerbank ขนาด 10000 mAh



ทาง Xiaomi เคลมว่าแม้ขนาดจะเล็กขนาดนี้ แต่ด้วย spec ที่อัดมาให้ ...
ถ้าเทียบรุ่นที่ราคาใน range เดียวกันแล้ว ....จะเห็นได้ว่า Xiaomi จัดมาให้เต็มจริงๆ


เอาแค่ Xiaomi เคลมคงไม่ได้ มาวัดของจริงกันเลยดีกว่า ....
เพื่อความเท่าเทียม ... router ที่ทำการ เทส จึงวางไว้ตำแหน่งเดียวกันไว้ที่ชั้น 1
ซึ่งจุดที่เทสจะอยู่ในห้องนอน ชั้น 2 ซึ่งอยู่คนละด้านของบ้าน ...


โดย router ที่ทำการเทส มีดังนี้ครับ

  • Asus RT-N66u ( vavar-home )
  • Mi WiFi Router Mini ( mi-wifi_2.4G )
  • Mi WiFi Router Nano ( mi-nano )
ผลที่ออกมาได้แก่ ....


จากเท่าที่ลอง refresh / scan หลายรอบ .... Mi WiFi Router Mini ใช้ channel เดียวกับชาวบ้านซะเยอะทำให้สัญญาณโดนกวนเยอะพอสมควร ซึ่งเทียบกับ Asus RT-N66u กับ Mi WiFi Router Nano แล้วนั้น ค่อนข้างสูสีกัน ... เมื่ออยู่ใน Channel ที่ไม่ได้โดนรบกวน ... (แต่ราคาต่างกัน 4-5 เท่า)

สำหรับ Mobile App ที่ใช้กับ Mi WiFi Router Nano นั้น ตอนนี้ยังไม่สามารถใช้ได้ 
ต้องรอลุ้นกันต่อไปครับ

สรุป


ด้วย ราคาและขนาดของ Mi WiFi Router Nano จะเห็นได้ว่า 
Xiaomi ยัด Router ขนาดเท่าซองใส่บัตรได้จัดเต็มมาก แม้ว่าจะต้องรอ Mobile App 
และการ Config แบบต้องใช้ Google Translate ภาษาจีนใน Router ก็ตาม ...

ข้อดี 
  • ขนาดเล็ก ราคาถูก​ (ที่จีน)
  • spec ให้มาแบบจัดเต็มใน range ราคาเดียวกัน
  • ความแรงสัญญาณ สูสี เมื่อเทียบกับรุ่นใหญ่
  • เหมาะเอามาทำ WiFi Repeater สำหรับคนที่ยังไม่มี Mi WiFi Router
ข้อเสีย
  • เมนู ภาษาจีน (ถ้าอ่านไม่ออก)
  • ยังไม่มี Mobile App รองรับเหมือน Mi WiFi Router Mini
  • ใช้เวลาในการ Reboot ค่อนข้างนาน (30 วิ) เมื่อเทียบกับ Mi WiFi Router Mini (ใช้งานได้ทันที)

วันศุกร์, กันยายน 04, 2558

รีวิว : Mi WiFi Router Mini #2 - ความเจ๋งอยู่ที่ mobile !




หลังจากรีวิวครั้งที่แล้ว ถ้าดูตาม feature router ธรรมดาก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเด่นสำหรับ Mi WiFi Router Mini เมื่อเทียบกับยี่ห้อที่เป็นเจ้าตลาดอยู่แล้ว ก็เลยลองไปนั่งโหลด mobile app มาใช้ดู แทบจะอยากเลิกบ่นเรื่องภาษาจีนใน blog ที่แล้วเลยทีเดียว ...



Mi Router App เป็น Mobile app ที่ใช้สำหรับ Xiaomi Router ทุกตัวไม่ว่าจะเป็น ตัวให​ญ่สุดไปจนถึงนาโน จุดที่หลุดไปเมื่อ รีวิวคราวที่แล้วคือ Xiaomi มีการทำ Dynamic DNS ให้กับ Router เราโดยผ่าน Xiaomi Account ซึ่งทำให้เราสามารถ เข้าถึงอุปกรณ์ทุกตัวที่ลงทะเบียนไว้ ได้จากทุกที่ที่มี internet !!
หลักๆ แล้ว มีหน้าตาประมาณนี้


Menu หลักๆ จะมี 4 menu คือ Router / Storage / Online / Plug-ins โดยจะขอข้าม Online นะครับเนื่องจากเป็น การ download content ภาษาจีน lol

Router Menu


เป็น Menu ที่ใช้บอกสถานะ ว่ามี Device อะไรต่ออยู่บ้าง การต่อพ่วงอุปกรณ์ รองรับการต่อแบบ WPS ได้ด้วย เมื่อ click แต่ละ device เข้าไปจะเจอเมนู จัดการ permission ของ device นั้น ซึ่งจัดมาให้แบบครบๆ 



ไม่ว่าจะเป็น ไม่ให้ต่อเนต / เข้าใช้ content ของ router / แจ้งเตือนเวลา device นั้นๆ ต่อ / block 
หรือแม้แต่ QoS ก็มาพร้อมๆ ให้ set ในจุดเดียว

Storage Menu



ใน Storage Menu จะมีเมนูด้านบน 2 menu ด้านซ้ายสำหรับเลือก storage ด้านขวาสำหรับจัดการ  storage ปัจจุบัน ในการเข้าถึง content บน router นั้น device ที่จะใช้ต้องมี permission ที่ตั้งไว้ในหน้าจอ Router Menu ก่อนถึงจะสามารถใช้งานได้ครับ เป็น uPnP ปกติ

Plugins Menu



ในส่วนของ plugins จะมี menu ให้ทำการ setting ค่าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น password  WiFi
หรือแม้แต่การตั้งเวลา sleep / reboot



Network Optimisation 

เป็นอีก Feature ยอดฮิตสำหรับ WiFi ตามบ้านที่ช่วยทำให้เราสามารถใช้สัญญาณ WiFi ได้เต็มประสิทธิภาพโดยเลี่ยงจากการโดนสัญญาณ WiFi จากบ้านอื่นมารบกวน
ให้น้อยที่สุด Mi Router App ก็มี feature นี้มาให้ใช้กันได้เลยทันที


Bandwidth Management



ถ้าเป็น Router ปกติเรามารถ set ได้จาก QoS menu แต่ Mi Router App ก็มี Feature นี้ให้มาพร้อมกับวัด speed ณ ปัจจุบันให้ด้วยว่าเราได้ speed จาก ISP มาเท่าไหร่ ... ( เนต 10mb ทำไมได้แค่ 8 ฟระ )

Phone Backup

Feature นี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปเยอะๆ แต่ไม่ได้ใช้ Cloud Storage อย่าง Google Photo โดย Mi Router App จะทำการ backup รูปที่เรามีไปใส่ไว้ใน storage ของ Router ให้ทันทีเมื่อต่อเข้า WiFi กลัวมือถือโดนขโมย แล้วรูปหาย ... อันนี้เด็ดมาก 

สรุป


จากสองรีวิว สรุปได้ว่า Mi WiFi Router Mini เป็นอีกตัวเลือกสำหรับ WiFi Router ที่ใช้ในบ้าน 
ในราคาสบายกระเป๋า แต่จัดเต็มมาด้วย dual channel n/ac พร้อมกับ Mobile App ที่พร้อมใข้งาน
กับ IoT ( internet of things ) Product อื่นๆ ของ Xiaomi .... เรียกได้ว่า convergence มากๆ
ต้องรอดูว่า Xiaomi จะขับเคลื่อน model นี้ได้เท่ากับ ecosystem ของ apple หรือไม่ ดูกันยาวๆ :)


ข้อดี 

- WiFi dual channel n/ac - iphone 5 ต่อได้แค่ n ... เศร้าไป
- Mobile App / Photo Backup / UPnP
- Bit ได้แต่ยังไม่ได้ลอง .. lol
- รองรับ WiFi Extender USB ( ประมาณ 650 บาท ต่อชิ้น )
- ราคาถูก

ข้อเสีย

- LAN port 1/100 ( ไม่ได้ gigabit LAN เมื่อเทียบกับ ASUS )
- ระยะ WiFi ประมาณ 60 เมตร แม้ตั้งค่าแบบทะลุกำแพงแล้ว
- web-base app  ยังไม่มีภาษาอังกฤษ
- เครื่องหิ้ว ... ประกันที่จีน 1 ปี เสียทีซื้อใหม่ น่าจะคุ้มกว่า