Pages

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ 2013 แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ 2013 แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคาร, ตุลาคม 15, 2556

รีวิว : Razer Sabertooth - จอยเทพสายสว่าง


เพื่อความเป็นเด็กติดเกมส์แบบเต็มขั้น ...
จึงหนีไม่พ้นกับการหา จอย มาใช้เพื่อเล่นเกมส์โดยเฉพาะ ครับ...
Razer Sabertooth เป็นจอยตัวแรงที่เพิ่งเคยได้ใช้เล่นเกมบนคอมครับ ปกติใช้แต่แบบของจีนถูกๆ แต่เพื่อเพิ่มอรรธรสในการเล่น X|V เลยตัดสินใจถอยจอยเทพนี้มา ....

หน้าตาหล่อเหลาเอาการ เป็นจอยที่ออกแบบมาใช้ได้ทั้งบน window และ xbox (ก็แหงล่ะ จอย xbox นี่) เพิ่งสังเกตุได้ว่าจอยเกมสมัยนี้ ตรง analog control สามารถกดลงไปได้เป็นปุ่มอีก 1 ปุ่มทั้งซ้ายและขวา ซึ่งในตอนแรกหลงคิดว่า ouya ทำได้เจ้าเดียว แต่กลับกลายเป็น ouya ลอกเค้ามาซะงั้น
(แถมปุ่มให้มาไม่ครบอีกตังหาก)



ปุ่ม macro ที่มีให้ มีให้มาถึง 6 ปุ่ม นับว่าเยอะพอสมควร
ที่บอกว่าเป็นจอยสายสว่างนั้นก็หมายถึง
ปุ่ม macro บนจอยสามารถตั้งค่าแทนได้เพียงปุ่มใดปุ่มหนึ่งบนจอยเท่านั้น
ไม่สามารถตั้งเป็นแบบ Combination Action ได้ หรือตั้งปุ่มกดแบบ turbo ได้.... นั่นคือเหตุผลที่ถึงเรียกว่าจอยนี้เป็นสายสว่าง 

ในส่วนการใช้งานผ่านไปเดือนกว่าๆ
สรุปได้ดังนี้ครับ

- ยางหุ้มปุ่ม analog ที่แถมมาเวลาใช้จะหลุดเป็นขลุยๆ เวลาโยก analog ... ไม่แน่ใจว่ามีให้ซื้อแยกไหมแต่ใช้แล้ว feeling ในการโยก analog ดีกว่าไม่ใส่ (มันกระชับ ไม่ลื่น)

- แม้ว่า package ภายนอกจะดูดี สมชื่อ razer แต่ build ของตัวจอยยังไม่ดีเท่าไหร่ ... เช่นปุ่ม L1 กดไม่มีเสียง แต่ปุ่ม R1 กดมีเสียง อนึ่ง อาจจะเพราะใช้ L1 มากไปจนมันหายแข็งก็ได้ .... 

- Rumble สั่นได้แรงมาก ... เล่นเอาจอยเกือบหลุดจากมือ ถ้าถือไม่ดี

- สาย USB เป็นสายถัก .... ออกมาจากกล่องไม่ติดกันแต่ด้วยเพราะงอในกล่องมานาน ... จะยืดให้มันไม่ม้วนหากันดูจะไม่เป็นผล

ไว้มีอะไรจะมา update เพิ่มครับ :)


วันอังคาร, ตุลาคม 08, 2556

[Java] 5 วิธีเขียน Code ให้อ่านง่าย

ช่วงนี้สำนวน แนวๆ "ทุบกำแพงเจอไททัน" ค่อนข้างจะได้ใช้บ่อยเนื่องมาจากที่ออฟฟิศกำลังพยามเอา TDD มาใช้ แต่ด้วยโครงสร้างของโปรแกรมที่พัฒนามาอย่างน้อยๆ ก็เกือบ 10 ปี เลยทำให้เกิดอาการของหายของพังไปบ้าง ครั้นจะเขียนใหม่ทั้งหมดก็แลดู over power มากเกินไป ... เลยแวปมาเขียน blog สั้นๆ เกี่ยวกับวิธีเขียน code ให้อ่านง่ายๆ ไว้หน่อยดีกว่า

อนึ่ง คำว่า "อ่านง่าย" แปลได้หลายความหมาย การที่บอกว่าอ่านง่ายในนิยามของผู้เขียนคือจะต้องมีทักษะการออกแบบและการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ พอสมควร ... เอาล่ะ มาเริ่มเลยดีกว่า

1. อย่า code ถ้า Test ไม่ได้ ... กฎเหล็กอันหนักหน่วง ที่บางทีก็แอบแหก .... แต่ต้องเข้าใจว่ามันเป็นวิธีที่ดีที่เราควรคำนึงถึงการ Test ก่อนลงมือแก้ไขอะไรลงไป เพราะจะทำให้เราเข้าใจได้ว่า ถ้าเราจำเป็นต้องใช้ code นั้นในกรณีอื่นๆ เราจะมีชีวิตที่ดีขึ้นหรือไม่ สิ่งที่เขียนไปแล้วจะมีคนด่าลับหลังเหรอเปล่า ....

2. อย่าทำลาย Law of Demeter - จริงอยู่ว่า ในวงปาร์ตี้ที่เราจัดขึ้นโดยชวนผองเพื่อนมาร่วมงาน เราสามารถคุยกับทุกคนที่เข้ามาในปาร์ตี้ได้ แม้ว่าคนๆ นั้น จะเป็น เพื่อนของเพื่อนของเพื่อน ก็ตาม ... แต่ในเนื้อแท้แล้ว เราจะรู้จักคนๆ นั้น ได้ก็ต่อเมื่อ คนที่รู้จักเราพาเค้ามาในงานเท่านั้น ... เราจึงไม่ควรมีความสัมพันธ์กับคนๆ นั้นโดยตรงจนกว่าจะมั่นใจได้ว่า เราจำเป็นต้องรู้จักเค้าจริงๆ

3. จิตใจโลเลอย่าใช้ static - อันตรายมากสำหรับการใช้ static หากจิตใจไม่มั่นคง ... โลกคงจะปั่นป่วนไม่ใช่น้อยหากพระอาทิตย์ไม่ขึ้นทางทิศตะวันออกเสมอ ....

4. interface over subclass - อยากได้ "ยาม" อย่าจ้างลูกของ "ยาม" ควรจ้าง "ยาม" ไม่ใช่ลูกของคนที่เคยเป็น "ยาม" มันย้อนแย้งในหน้าที่ เพราะเราต้องการ "ยาม"  

5. Given When Then - วิธีเขียนโปรแกรมให้ง่ายที่สุดคือการคิดแบบเป็นระบบ input / process / output ... พื้นฐานง่ายๆแต่ตีความได้ลึกซึ้ง ... การใช้ Given when then ก็เป็นการขยายความเพื่อให้เราคิด logic ในการเขียนโปรแกรมให้ถี่ถ้วนก่อนลงมือทำจริงทำให้เราตอบสนองกับ scenario ที่คาดไม่ถึงได้

แลดูค่อนข้าง abstract แต่คิดว่าแค่ห้าข้อนี้น่าจะทำให้ชีวิต Java Dev อย่างเราๆ ท่านๆ สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นครับ




Final Fantasy X|V : ปลุกวิญญาณ เด็กติดเกมส์


หายไปเกือบ 2 เดือนเพราะไปนั่งเล่น Final Fantasy X|V อยู่ครับ 
ที่จับพลัดจับผลู @Hnan ให้ไปสมัคร beta account มาลองเล่น .. 

ตอนแรกก็ไม่ได้อยากเล่นแต่พอเปิด benchmark เท่านั้นล่ะ 
ติ่งเด็กติดเกมส์กระดิกทันที พร้อมอุทานว่า "เห้ยย เดี๋ยวนี้มันขนาดนี้แล้วเหรอวะ"
ประกอบกับลุงจ๊อบใจดีขาย ID แบบ Collector Edition ให้ในราคาพิเศษ
เลยได้ไปร่วมวงท่องโลก Eozea กับเค้าไปด้วย ....

รายละเอียดต่างๆ ในเกมส์ รวมไปถึงเนื้อเรื่องตามอ่านได้จาก ffxivthfan.blogspot.com (ไม่ได้ค่าโคสะนา)

ระบบโดยรวมตามความเห็นผู้เขียน คิดว่าคนเล่น RO น่าจะชอบ
เพราะระบบที่มีก็คือ MMOs ที่ปกติมีกันอยู่แล้วทั่วไป ... ได้แก่

  1. ระบบ อาชีพ ... ที่เด่นสุดๆ คงไม่พ้นการที่เล่นตัวเดียวแต่เปลี่ยนอาชีพไปมาได้ .... 
  2. ระบบ Quest ที่มีมากมายหลายแบบ ... คร่าวๆ ก็มี  ...
    • Main Quest - เนื้อเรื่องหลัก ... มี cutscene เป็นระยะ ๆ 
    • Sub Quest - เนื้อเรื่องย่อยในแต่ละเมือง
    • Job Quest -  เนื้อเรื่องของอาชีพที่เราเล่น  ...
    • Leve Quest - Quest ย่อยๆ ที่ไว้หา item / เงิน ...
  3. ระบบ Free Company และ Linkshell ที่เป็นเหมือนทั้งกิลด์ และ ห้องประชุมย่อย
และสุดท้ายที่ขาดไม่ได้คือความเป็น FINAL FANTASY !!! มากันแบบครบๆ กับมนต์อสูร ที่ต้องไปต่อกรด้วย .... เป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้ใน Diablo ..... วิ่งกัน 8 คนอลหม่านมาก ๕๕ .....

ด้านกราฟฟิค ไม่ต้องพูดถึงเพราะระดับ se จัดมาเต็มๆ 


landscape อลังการแม้ Quality ยังไม่สุดก็ตาม.. ถ้าหากใครมองหาเกมส์ออนไลน์ไว้เล่น ไม่ควรพลาดด้วยกรณีทั้งปวงงงงงงง

ปอลิง ... อยู่ Gungnir / JP Group นะครับ เจอกันทักมากันได้ :)


วันเสาร์, สิงหาคม 10, 2556

[Blog] kee แบบ advance กับ TOTO Portable Wash-let


เมื่อไม่นานมานี้ได้ไปอ่าน Blog ของ @Katoonix ที่เขียนไว้เกี่ยวกับ kee-in-the-air
ถึงกับจุดประกายว่าต้องหามาใช้บ้างซักอัน โชคดีที่ท่านพี่ @XPeterTwiz ไปปีนภูเขาไฟฟูจิ
เลยได้รบกวนท่านพี่ฝากซื้อมาครับ :P

TOTO Portable Washlet เป็นกระบอกฉีดน้ำ (ที่ฉีดก้น) ขนาดพกพา
สนนราคา ประมาณ 1,900 บาท วิธีใช้ประมาณนี้เลย ....



ตัวกระบอกต้องใส่ถ่านขนาด AA เข้าไปเพื่อให้สามารถฉีดน้ำได้ ...
ทำให้ไม่ต้องออกแรงอะไรมากมาย ซึ่งหลังจาก
ได้ทดลองใช้งานจริงตามคู่มือ(ที่อ่านไม่ออก) พบว่า ....



  • น้ำที่มีในกระบอกบรรจุได้ประมาณ 290 มิลลิลิตร ... อาจจะน้อยเกินไปหากชอบฉีดบ่อยๆ
  • เนื่องจากน้ำมีจำนวนน้อย ... จึงเหมาะสำหรับ one turn kill กับบอสใหญ่เท่านั้น
  • กระดาษทิชชู่ยังเป็นสิ่งจำเป็น เพราะน้ำแค่นั้นฉีดยังไงก็ไม่สะอาด แต่ไม่ต้องเสี่ยงแสบก้น
  • แรงฉีดแรงพอสมควร ... หากกลัวว่ากระบอกจะเลอะ kee สามารถถือไว้ห่างๆ ได้ ...
  • ค่าตัวอาจจะแพงไป แต่ถ้าแลกกับความสบาย ... ก็คุ้มนะเพราะพกพาได้
โดยรวมไม่ผิดหวังครับ ... ใช้งานได้จริง และ ละมุนกว่ากระดาษล้วนมากมาย...

ปล. เพื่อนที่ออฟฟิศเคยแนะนำว่าใช้ ทิชชู่เปียก ก็ได้เหมือนกันแต่ส่วนตัวชอบน้ำมากกว่า 
เลยเอามาเสริมต่อเผื่อเป็นทางเลือกครับ :)



วันพฤหัสบดี, สิงหาคม 01, 2556

ในที่สุด .. ของเล่นจาก KickStarter ก็มาถึง


ช่วงนี้แทบจะ up blog รายวัน ... ด้วยเหตุเพราะของเล่น ประดังประเดเข้ามาพร้อมกัน #ฮา
 ... ของเล่นอีกสองชิ้นที่เพิ่งได้มา หลังจากไปเป็น backer ที่ เวป Kickstarter
เพิ่งส่งมาถึงเมื่อเสาร์ที่แล้วครับ ...
มันคืออะไรบ้าง ... มันก็คือ ...

ขาตั้งมือถือขนาดเท่าบัตรเครดิต ( ClearShot ) และ
พวงกุญแจพร้อม Camera Shutter ( Cookoo Keyfob ) นั่นเอง ....

คือจริงๆ พักหลังๆ เริ่มรู้สึกไม่อยากแบกกล้องใหญ่แล้ว
ก็เลยอยากพกอะไรที่มันเล็กๆ แทนครับ ... เดี๋ยวจะไม่สมกับการเป็นหนุ่ม nerd ๕๕


ClearShot Credit Card Size Tripod .... เป็นขาตั้งสำหรับใช้ถ่ายรูป
เวลาที่เราไม่มีคนมาคอยถือถ่ายให้ครับ ... เจ้าของโปรเจค เค้าแนะนำให้ใช้ Camera+ 
ที่สามารถตั้งเวลาและจัด exposure ก่อนที่เราจะถ่ายได้ ... ช่วงนี้ลดเหลือ $0.99 เลยจัดไป ...
เอามาลองใช้แล้วก็พบว่า happy มาก แต่เสียอย่างเดียว คือต้องต้องวางบนโต๊ะ
เพราะหากวางบนพื้น เจ้าตัว ClearShot จะสามารถเอียงได้ประมาณ 45 องศา ...
ซึ่งรูปที่ได้ คงเป็นรูปมุมเงย บางคนอาจจะไม่ชอบซักเท่าไหร่ ...


รูปตัวอย่างเวลาตั้งถ่าย ... อันนี้ใช้ HDR ด้วยจะเห็นว่า นิ่งเนียนเลยทีเดียว ...
แต่ด้วยเจ้าของโปรเจค เค้ามี Relation กับทีมที่ทำ Cookoo Watch ก่อนจบโปรเจค
เค้าเลยประกาศให้สามารถซื้อ Cookoo KeyChain ได้ในราคาพิเศษ
เลยจัดมาเพิ่ม แต่ Ship มาพร้อมกันทีเดียว  ...


Cookoo Keychain มีคุณสมบัติหลักๆ 3 อย่างคือ

1. ไว้หา อุปกรณ์ที่ Pair อยู่ ณ ขณะนั้น
2. ไว้หา ตัว Cookoo เอง กรณีที่เราลืมพวงกุญแจนั้นไว้
3. ไว้สำหรับกด Shutter กล้อง iPhone ....

ด้วย 3 ฟีเจอร์ นี้แล้ว ... ถึงกับไม่รอช้าสั่งมาใช้เลยทีเดียว ( ฮา )
หลักๆ แล้วเอามาใช้สำหรับฟีเจอร์ที่สาม แต่โชคร้ายสำหรับ Cookoo Keychain
ที่ app ที่เค้าทำนั้น ไม่ค่อยจะเก่งเสียเท่าไหร่ ....
ตัว KeyChain ใช้ Bluetooth ในการต่อกับ iPhone
แต่ในบางครั้งมี Delay และใช้ Location Service ค่อนข้างเยอะ ทำให้เปลืองแบต ...
คือใช้ได้เป็นช่วงๆ ใช้เสร็จก็ต้องปิดว่างั้น .... ซึ่งถ้า App ฉลาดกว่านี้ คงจะดีไม่ใช่น้อย
เพราะ Bluetooth เองก็ไม่ได้กินแบตมากมาย แต่จะเป็น GPS เสียมากกว่า

สรุป ... ไว้ลองใช้ทั้งหมดซักพักแล้วจะมา update อีกรอบครับ (ฮา)
สำหรับคนที่สนใจ ClearShot พอดีเค้าทำช้า เลยมีแถมมาให้ ...
สนนราคา เชิญหลังไมค์ ( pm ใน fb เพจ ) ครับ อิอิ

วันพุธ, กรกฎาคม 31, 2556

รีวิว : The Wolverine - หมาป่าเล็บหัก



ทำใจไว้ตั้งแต่มีคนบอกให้ดูหลังเครดิต แต่ไม่คิดว่าจะ Fail มากมายนัก
เนื่องด้วยกำลังฟินค้างกับ Pacific Rim อยู่ ...

เท่าที่ติดตาม X-Men Series ของ Marvel ที่เอามาทำเป็นหนัง
พบว่า The Wolverine ก็เป็นหนังอีกเรื่องที่ทำได้ครบ "องค์ประกอบ" ของ X-Men
ที่ไม่เน้นอภินิหารหวือหวานัก (เหรอ) ดูมีความเป็นคน มากกว่าสไตล์ของ DC ...

แต่หลังจากดูจบพร้อมกับดู ตอนหลังเครดิต
ก็บอกได้คำเดียวว่า ... นี่มัน ....
.
.
.
.
Prologue Chapter นี่หว่า  !!!!
ถือว่าการตลาดเค้าใช้ได้จริงๆ กับการที่ให้รอ

X-Men : Day of Future Past (2014)

.
สรุปและสปอยล์

  • เล็บหักไม่รู้จะไปต่อเล็บที่ไหน
  • เดาว่า ญี่ปุ่น sponsor ใหญ่ จัดมาเต็มมาก ...
  • ฉากต่อสู้จัดมาเต็มดี แต่ดูเฉยๆ #คงเพราะเริ่มเบื่อมุข
  • Mutant น้อยไปหน่อย effect เลยไม่เยอะตาม แต่ฉากสู้บนชินคังเซนนี่บรรเจิดมาก
  • ห้องสไตล์ที่ฮิวจ์ ... ต้องเลือก ดาวอังคาร ....
  • ตัวโกงโผล่มาตั้งแต่ต้นเรื่อง หรืออาจเพราะ trailer
    ปล่อยมาเยอะเกินไปเลยทำให้เดาตอนจบได้
  • ต้นเรื่องเก่งแค่ไหน จบเรื่องเก่งน้อยกว่าเดิม

โดยรวมถ้ายังไม่เบื่อกับหนังของ Marvel .. ดูขำขำก็โอเค ครับ :)





วันอังคาร, กรกฎาคม 30, 2556

รีวิว : DSL-N12U (ver.B1) - จิ๋วแต่แจ๋ว


ช่วงนี้อุปกรณ์ network ของยี่ห้อจานบินงอนพังกันไปตามๆ กัน ....
เลยมีโอกาสได้ไปถอย ADSL Router ตัวเล็กมาเพิ่มความเป็นสาวก(เหรอ)
โดยเอาไปไว้ใช้ที่ทำงานของคุณแม่ครับ

DSL-N12U เป็น ADSL Router ตัวเล็กสุดที่หาได้ของ Asus
สนนราคาอยู่ที่ 1,690 ( 21 Jul 2013 ) ด้วยความที่เป็นตัวเล็กสุด
เลยดูเหมาะสำหรับ Home Use มากกว่า DSL-N55U ที่มีค่าตัวแรงพอๆ กับ RT-N66U ...


อุปกรณ์ภายในกล่องแทบไม่มีอะไรมาก ... เสา 5dBi จำนวน 2 เสา ...
สาย LAN สาย WAN หัวแยกสัญญาณ ADSL


ด้วยค่าตัวที่ไม่แพง ... DSL-N12U จึงวิ่งได้แค่เพียง 1 Channel เท่านั้น
โดยสามารถประกาศได้ถึง 3SSID ซึ่งถ้าไม่คิดอะไรมาก
ก็เหมาะสำหรับระดับ Home Use จริงๆ
เนื่องด้วยการที่มีเพียง 1 Channel ถ้าปรับเป็น Auto นั่นหมายถึง
หากมีอุปกรณ์ที่ต่อด้วย wireless b/g จะทำให้อุปกรณ์ที่ต่อด้วย wireless n นั้น
จะได้รับความเร็วได้อย่างมากเท่ากับ อุปกรณ์ wireless b/g เท่านั้น
ซึ่งถ้าวิ่งที่ wireless n จะได้ถึง 300Mbps


ระดับสัญญาณจากเท่าที่ลองดูก็ได้ระยะไกลพอสมควร ... อาจจะไม่ถึง 100 เมตร 
แต่ตั้งอยู่ในห้องกำแพงคอนกรีตหนาๆ แล้วยังสามารถใช้งานได้ในที่แจ้งก็ถือว่าโอเคแล้ว ...

สรุป ...

  • เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนงบน้อย ... หรือไม่บ้าพลังวิ่ง wireless N แยกกับ b/g
  • ASDL Profile มีมาให้ครบ ... เลือก ISP ใส่ username / password ต่อได้เลย ...
  • Admin Control Panel มี Notification Assistant .. ทำให้ดูใช้งานง่าย แต่น่ารำคาญ popup
  • มี QoS มาให้ในระดับพื้นฐาน .... เลือก profile ได้ แต่ ยังหาที่ใส่แบบระบุ port ไม่เจอ
  • กรอง mac address ได้ WPS ใช้งานแล้ว งงๆ
  • ใช้งาน AirPrint ไม่ได้ ... ทั้งๆที่ spec บอกว่า support
    และยังหาวิธีแก้ไขไม่ได้ (แอบหงุดหงิด)
  • ทำ Print Server ผ่าน OSX ไม่ได้ ... 
ตกม้าตายเอา สองเรื่องสุดท้าย ... 
ถ้าไม่ได้ใช้งานกับ OSX และ iOS ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีอีกตัวครับ




วันเสาร์, กรกฎาคม 27, 2556

รีวิว : Ouya (2013) #2 - App is matters


รีวิวต่อจากตอนแรก ครับ
หลังจากรู้แล้วว่า Ouya คืออะไร คราวนี้จะมาเจาะที่ software กันบ้าง ....

เนื่องจาก Ouya เองนั้นเป็น android ... 
ดังนั้น software ที่ใช้กับ android ได้นั้นก็สามารถ "ทำงาน" กับ Ouya ได้เกือบทั้งหมด แต่เนื่องจาก input ของ ouya จะเน้นที่ joystick มากกว่า จึงทำให้การใช้งานในบาง app ดูยากลำบากเกินไป ยกตัวอย่างเช่น Youtube เป็นต้น

วิธีการลง App ใน Ouya นั้น เราสามารถวาง Apk แล้วใช้ filemanager ดังเช่น es file manager ทำการเปิดเพื่อลง App ได้ทันที ....

ทั้งนี้การโหลด App จาก play store ตรงๆ อาจจะทำไม่ได้ตั้งแต่ต้น แต่หากเราสามารถลง app ที่มีอยู่ใน play store ได้โดยการ "side-loaded"

Side Loaded App นั้นโดยทั่วไปคือการ backup app ที่มีอยู่ใน "android device" ให้เราสามารถลง App ใหม่ได้ทันที ... หากมีการสั่ง factory reset หรือย้ายเครื่อง โดยไม่จำเป็นต้องผ่าน Play Store ซึ่งรูปแบบของการ backup app นั้นจะอยู่ในรูปแบบของไฟล์ apk .... 

จากเท่าที่ลองทำ side load พบว่า app ที่ side load เข้ามาใช้แล้วรู้สึก Happy กว่าของที่มีใน Ouya Store มีดังต่อไปนี้

- epsxe 
- Youtube for Google TV (ถึงจะฟรีแต่ต้องหา link นอก Store )
- MX Player + Tegra 3 Decoder
- Xbmc

สำหรับ emulator เครื่องเล่นอื่นๆ ไว้ว่างๆ ไปนั่งเล่นจะมา update ต่ออีกครั้งครับ :)

วันจันทร์, กรกฎาคม 22, 2556

รีวิว : Pacific Rim - จิตวิญญาณแห่งเหล็กไหล !!


 source : http://icftt.tumblr.com/image/52345104798

ไม่ค่อยได้เห็นหนังแนวหุ่นยนต์จัดหนักแบบนี้มาก่อน ....
ส่วนตัวชอบแนวกันดั้มอยู่แล้ว  .... หนังหุ่นยนต์ plot คงไม่ต้องเน้นเยอะ ..
เพราะเคย fail กับ Mobile Suit Gundam 00 the Movie: A Wakening of the Trailblazer
ที่พยาม balance  action & plot แล้วไม่ค่อยโอเท่าไหร่ ...
เลยคิดว่าหนังหุ่นยนต์ เน้นเอามันส์อย่างเดียวน่าจะดีกว่า ...
แล้วก็ออกมาดีอย่างที่คาดไว้ (แม้เนื้อเรื่องจะไม่มีอะไรเลยก็ตาม)

  • plot เรื่องสั้นมาก .. แต่เล่นอัดเต็ม 2 ชัวโมงนิดๆ ...
  • action ไม่สุด ... ถ้าเป็นเกมส์แนว Super Robot War อาจจะเรียกว่ายังไม่ได้แสดงท่าไม้ตาย (ฮา)
  • บทซึ้งยังไม่ทันจะซึ้ง ก็กลับมาสู้ต่อ ... เลยกลายเป็นไม่ซึ้ง (ซะงั้น)
  • ไปดูโรงแว่นใหญ่ ... ต่อยกันทะลุจอ ... ( แม้จะเข้าตอนต้นเรื่องไม่ทันก็ตาม )
  • มี ฉาก ให้ดูตอน end-credit ต่ออีกหน่อย  
  • ถ้าไม่ชอบหนังหุ่นยนต์ แนะนำให้ข้ามครับ ...
ให้ 8 / 10 ในฐานะหนังหุ่นยนต์ ถ้ามีฉาก slow motion แบบพวกขบวนการ 5 สี จะอินกว่านี้ ...
แถม Main Theme แบบเร่งสปีด .. :)



วันพุธ, กรกฎาคม 17, 2556

รีวิว : Turbo (2013) - That snail is fast !!!


ตอนแรกกะจะไปดู Pacific Rim แต่โชคไม่ค่อยดี คนดูเยอะมากเลยเหลือบไปเห็นว่ามีเรื่อง Turbo ที่ทาง ค่าย m ทำ promotion "ดู 3D พกแว่นไปเอง" เลยมีโอกาสได้ดูก่อนเริ่มฉายจริิงครับ 

เนื้อเรื่องค่อนข้างชอบมากเพราะให้แง่คิดไว้เยอะเลย ... ดูผ่านๆ ขำขำก็โอเค โดยส่วนตัวแล้วชอบเป็นเรื่องรองลงมาจาก Wreck-it Ralph ถ้าชอบการ์ตูนสไตล์นี้ recommended ครับ ( อยากเขียน quote แต่กลัวสื่อไม่ถึง )

ด้าน Graphic ถือว่าทำได้ดี เนียน ...  แต่จุดที่สังเกตุจนรู้สึกได้คือ animation 3D ยุคหลังๆ ( ตั้งแต่ epic ) มักจะเน้น DoF ( Depth of Field ) มากขึ้น ทำให้เรารู้สึกว่าภาพที่ดูอยู่นั้น มีความลึกมากกว่าปกติ ... ไปดูแล้วรู้สึกคุ้มค่าตั๋ว (แบบ3D) 

กล่าวโดยสรุป :
- หอยทากได้พลังพิเศษจากการตกถัง nitus
- จิตวิทยาในด้าน conservative VS modern ค่อนข้างเยอะ ถ้าคนไม่ชอบดูแล้วอาจหงุดหงิด
- จบแบบปลายเปิด ... เป็นไปได้ที่จะมีภาคสอง (ตามสไตล์ Dreamwork )
- เพลงในเรื่องเจ๋งดี จนอยากเอามาทำ ringtone
- ผูกความเป็น social network เข้าไปด้วยทำให้รู้สึกใกล้ตัวดี


"ถ้าพรุ่งนี้ตื่นมาพร้อมกับรู้ว่าพลังพิเศษที่มีมันหายไป นายจะทำยังไง"
"ก็ต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด"

#เอาไปสิบกะโหลกกกกกกก

แถมคลิปปิดท้ายครับ :)

วันเสาร์, กรกฎาคม 06, 2556

รีวิว : Ouya (2013) #1 - คำว่า indy คงยังไม่พอ


ไม่ได้เป็น backer ครับ ... สั่งแบบ Pre-Order Retail มา ... แอบรออยู่หลายเดือนเหมือนกัน
เพราะ แกงค์ backer ที่อยู่ใน kickstarter โวยวายกันจนเสียวไปด้วยว่า ของจะไม่ได้ ...
แต่ก็นับว่าเร็วกว่า project อื่นๆ ที่ back ไว้กับ kickstarter เอามากๆ ... #ฮาแบบน้ำตาไหลในใจ ...

Ouya เป็นเครื่องเล่นเกมส์สายพันธุ์ Android ... รายละเอียดหาอ่านได้ตาม อากู๋
แต่สิ่งที่จะแนะนำใน blog นี้ คือ ... Ouya เป็น Android "ที่ไม่มี Play Store" ...
เหตุผลที่ Ouya ไม่ต่อกับ Play Store อาจจะมีหลายอย่าง ...
แต่สำหรับระดับ Consumer แล้ว การที่ไม่มี Play Store
อาจจะทำให้ชีวิตยุ่งยากขึ้นพอสมควร ... หากไม่ใช่ End-User



เหตุผลที่จัดมา ก็เพราะ HD-Player ที่บ้านเจ๊งพอดี (สงสัยงอนเจ้านายอวย เยอะ )
ด้วยราคาที่ถูกกว่า HD-Player ที่จัดมาพอสมควร ....
และสเปคเครื่องที่เป็น NVidia Tegra 3 + RAM 1GB
ที่พอจะให้ app บน android  วิ่งได้แบบไม่กระตุก ก็เลยไม่ลังเลที่จะจัดมาครับ ...

ในตอนแรกก็อยากจะใช้แค่ Raspberry Pi มาทำ HD Player แต่พอ เทียบสเปคแบบจุดต่อจุด
กับ Raspbery Pi แล้ว ... การที่จะให้ Raspberry Pi มี interface เยอะเท่า Ouya นั้น
ดูท่าจะราคาใกล้ๆกัน แถมไม่มี JoyStick มาให้ด้วย


ขนาดเครื่องเล็กพอๆ กับ nutella ขวดใหญ่ ... ที่เป็น สี่เหลี่ยมจัตุรัส ...
ข้างในตัวเครื่องของ ouya สามารถดูได้ที่ iFixit Ouya TearDown




เกมส์ตอนนี้ ใน Store เค้าเคลมว่ามีอยู่ 200+ ....
เกมส์บางเกมส์โหลดมาเล่นแล้วดูดีมีชาติตระกูลมาก แต่โชคร้ายไปหน่อย ... ที่เป็นแค่ Demo ...


แต่ก็ไม่ได้มีผลอะไร ... เพราะสิ่งที่สนใจเอามาเล่นมากกว่าคือ .... !!!

โชริวเคนนนนนนนนนนนนนนน


สิ่งที่น่าสนใจสำหรับ JoyStick ของ Ouya นั้นคือ มีปุ่มซ่อนไว้ใน Dual Stick ด้วย ...
โดยการกด Dual Stick ลงไปตรงๆ จะเป็น action L3 และ R3
ซึ่งจำเป็นมากไว้ map select กับ start ของ Rom เครื่องเกมส์ที่มีปุ่มเยอะๆ  เช่น PSOne
ณ ตอนนี้ยังหา Rom เก่าๆ มาเล่นได้ไม่กี่เครื่อง ...
ไว้ลองได้มากกว่านี้จะมาสรุปเรื่อง app และ game อีกทีครับ :)

สรุป ...

ข้อดี

  • ราคาสมเหตุสมผล $99 .. จอยเปล่า $45 ... เหมาะเอามาทำ HD-Player + เล่นเกมส์ขำขำ
  • รองรับ Joystick ที่เป็น Bluetooth ดังเช่น PS3 / XBox ... คือซื้อแค่ $99
    แล้วเอามา Pair กับ Joy ที่มีอยู่ได้เลย
  • interface ต่อ ราคา ที่ให้มา ให้มาพร้อมกว่า Raspberry Pi ที่เอามาโมให้เท่าๆกัน
  • Community ใหญ่ ... ของตลาด .. หาอะไหล่ง่าย ...
ข้อเสีย
  • ไม่มี Play Store
  • ความร้อนสูงเหมาะกับการตั้งไว้เฉยๆ ...
  • พัดลมแอบเสียงดัง ... เวลาประมวลผลเยอะๆ 
  • Grey Market ....  แนะนำให้สนับสนุนนักพัฒนา ตามกำลังทรัพย์ครับ
  • ตกรุ่นเร็ว ... ปีหน้า(next gen)ออกรุ่นใหม่ ...

สำหรับ Performance Testing ต่างๆ เกี่ยวกับ Emulator ... ดูได้ ที่นี่ เลยครับ รวบรวมไว้ให้แล้ว

วันจันทร์, มิถุนายน 03, 2556

รีวิว : Now you see me - I saw laew mai ok ...


ส่วนตัวค่อนข้างคาดหวังกับหนังแนวมายากล ไว้ค่อนข้างเยอะมาก 
ประกอบกับหลายคนรีวิวว่าดี marketing ก็เยอะเวอร์ ก็เลยไปดูครับ ... 
แต่ดูแล้วไม่ค่อยโอ เท่าไหร่ ขอสปอยล์เต็มเหนี่ยวละกัน คือไปดูแล้วไม่อิน + อึดอัด

  • เนื้อเรื่องดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ เจอกัน -> ร่วมงานกัน -> ล้างแค้น
    ....  คือมันไปสนิทกันตอนไหน ?? .... มันรู้จักไอ้หัวโจกเมื่อไหร่ ??
    แล้วมันมีความแค้นร่วมอะไรกับหัวโจก ??  แล้วมันทำแล้วได้อะไร ???
    แล้วเชื่อได้ยังไงว่าไอหัวโจกจะไม่หลอก ???
    คำถามทั้งหมดนี้ ... แม้พอดูจบก็ยังไม่ได้คำตอบ ....
  • ใช้ความพยามอย่างมากในการผูกเรื่องให้มีปมใหญ่เอามากๆ ....
    ดูกลางๆ เรื่องแล้วรู้สึกไม่น่าติดตามเท่าไหร่ มาสรุปเอาแค่ตอนท้าย
  • ฉากใช้ CG ค่อนข้างเยอะ .... ดูแบบเพลินๆ พอไหว
  • ในเรื่องพยามสร้างบรรยากาศการต่อสู้ระหว่าง นักมายากล กับ คนแฉมายากล ...
    ดูแรกๆ ก็โอนะ แต่อย่างที่บอก คือใช้ความพยามมากเกินไป
    จนหาความสัมพันธ์ระหว่างกลที่เล่นกับการแฉไม่ได้ ( กลที่เล่นเยอะกว่าที่แฉ )
  • กลางๆ เกือบท้ายๆ เรื่องนึกว่านั่งดู Fast 6 อยู่ ...
  • ตอนจบ ... นอกจากจะหลอกคนดู ยังหลอกได้แม้กระทั่งตัวเอง ....
สรุป .... ดูเพลินๆ พอไหวครับ ( ย้ำแค่ว่าดูเพลินๆ ) ตอนแรกนึกว่าจะสนุกกว่านี้ ... 
เอาไป 4 เต็ม 10 กะโหลกกกกกกกกกก



วันพุธ, พฤษภาคม 29, 2556

Framework สำคัญแค่ไหนใน Software Development


เห็นใน Timeline พูดเกี่ยวกับการเลือก Framework ที่ใช้ในการทำ software
ไหนๆ ก็เคยทำงาน consult เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้
เลยจัดหน่อยซัก blog 

Framework คืออะไร ?
ถ้าถามอากู๋ ก็มีคนให้คำจำกัดความไว้เยอะพอสมควรอยู่แล้ว ...
ไม่อยากให้คำจำกัดความใหม่ แต่อยากให้มองว่ามันเปรียบเหมือน workflow ใดๆ 
ที่เพื่อให้ได้ผลสำเร็จอย่างใดอย่างหนึ่ง 

ทุก Framework มีจุดมุ่งหมายของมัน
แต่การคาดหวังให้ได้ผลสำเร็จนั้น แทบไม่แตกต่าง
ดังนั้นสิ่งที่แตกต่างกันในแต่ละ Framework ที่เห็นได้ชัด
มักจะเป็น "กระบวนการ" ในการทำงานที่ให้ Output ต่อหนึ่งหน่วยเวลาได้มากๆ นั่นเอง

"อยู่บ้านหิวข้าว จะเดินออกไปซื้อข้าว หรือโทรสั่ง หรือทำเองดี" 

ประโยคข้างบนเป็นตัวอย่างในการเลือก framework จะเห็นได้ว่า
เรารู้ทุก framework มาก่อนแล้ว จึงสามารถตัดสินใจ ได้ว่าแต่ละวิธีนั้น
มี Cost และ Learning Curve เป็นอย่างไร

การเลือก framework จึงควรศึกษาให้รอบคอบ ก่อนว่า มี Framework ไหนบ้าง
ที่ทำให้เราสำเร็จในงานนั้นๆ ได้ ตาม requirement ที่เรามี ...
การตัดสินใจจากการรู้จัก Framework เพียงแค่ตัวเดียวจึงเป็นสิ่งที่อันตรายมาก ....
เพราะเมื่อเีราลงแรงกับ Framework ที่ไม่ได้ meet กับ requirement ที่เรามี
สุดท้ายก็จะยิ่งทำให้เราเสียแรงมากขึ้น เพราะนอกจากที่

เราจะต้องคอยดูแล code เพื่อให้ทำงานตาม Framework ได้ แล้ว
เรายังจะต้องมาคอยดูแล "จุดเชื่อมต่อ" ระหว่าง code ของเรากับ Framework นั้นๆ
เพื่อให้ Framework ทำงานได้อีกด้วย ....

สรุป ...

  • Framework ส่วนใหญ่มักจะมีหลักการหรือแนวคิดมาจาก
    Design Pattern ของภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้เขียน Framework นั้นๆ ...
    หรือเป็นการยืม "Pattern" มาจากภาษาคอมพิวเตอร์อื่น ...
    ดังนั้น สิ่งที่จำเป็นมากกว่าการใช้ Framework ....
    เราจึงควรรู้ Design Pattern ให้คล่องเสียก่อน
  • หลักการเลือก Framework มักจะเป็น "เข้าใจง่าย เขียนได้เร็ว"
    แต่หลังๆ จะต้องเพิ่ม " Testได้ง่าย " เข้าไปด้วย
  • Framework ที่ตายแล้ว ( Community หาย ) ไม่ได้หมายความว่าไม่น่าใช้
    แต่เป็นการบอกว่า Workflow นั้นๆ ไม่สามารถปรับปรุงไปได้มากกว่านี้แล้ว
  • ควรเลือก Framework ที่เหมาะกับงาน มากกว่าการใช้ Framework ไปตามเทรนด์
  • และคงไม่สนุกหากต้องมานั่งแก้ Framework เมื่อมี Production Issues ...
    จึงควรคิดก่อนใช้ ...



วันเสาร์, พฤษภาคม 18, 2556

ผ่าพิภพ Tablet จีน ... ข้อเตือนใจก่อนซื้อ/ดูแลรักษา

ช่วงสัปดาห์ก่อน ที่เท้าพลิก ที่บริษัทใจดีให้ Work From Home อยู่ที่บ้าน
เลยมีเวลาเหลือจากการที่ปกติต้องเดินทางไป-กลับจากบ้านถึงออฟฟิศ ที่ตกวันละ 4 ชั่วโมง
มานั่งชำแหละ tablet จีนที่ตัวเองมีอยู่ว่า มีอะไรเด็ดดวง มากแค่ไหนครับ ...
เหตุการณ์ใช้งานไม่ได้มีแค่ช่วงที่เริ่มขาเป๋ แต่เป็นช่วงเวลาที่ใช้ศึกษามาพักใหญ่ๆ แล้ว
เลยอยากลำดับเหตุการณ์ มาเขียน blog ไว้
เผื่อใครเจอเหตุการณ์คล้ายๆ กันจะได้ไม่ต้องลองของเอง :)

ช่วงปลายปีที่แล้ว ...

เดิมทีแล้ว Tablet จีนที่ได้มาเล่นนั้น ... แทบจะไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับตัวมันเองเลย ..
หนำซ้ำเวลาทำ Factory Reset กลับแสดงผลเป็นภาษาจีนอีก ... เล่นเอาไปไม่เป็นอยู่หลายสัปดาห์ ...
อีกทั้งลงโปรแกรม จาก Play Store ไม่ได้ เลยทำให้หงุดหงิดมาก
จนแทบจะเป็นที่ทับกระดาษเลยทีเดียว ...

แต่ด้วยแรงบันดาลใจที่เกิดขึ้นในฐานะ Developer ก็ผุดขึ้นมาทันทีว่า  "จะมี ROM อื่นให้ใช้บ้างไหมนะ"
ครั้นจะไปถามร้านที่ซื้อ .... ก็คงไม่ได้ เนื่องจากเป็น Tablet การกุศลมา เพราะเป็น Tablet ที่มีคนให้ต่อ
มาจากคุณแม่มาอีกที เลยไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ครั้นจะโชว์พาว เอา AOSP มา Compile เอง
ก็พลังงานไปหน่อย

หลายเดือนก่อนขาเป๋ ..

พอถามอากู๋ได้พักใหญ่ ก็พลันพบสัจธรรม ข้อหนึ่งนั่นคือ ...

Tablet แบบที่เราถืออยู่นั้น ... มีหลายยี่ห้อมาก ....

หลายรุ่นแค่ไหน ... มาดูกัน ...
รุ่นที่ใกล้เคียงกับที่มีอยู่นั้น คือ รุ่นต่อไปนี้ครับ  ...

- A13 F9

แต่สิ่งที่พบเจอถัดมา คือ พบ Tablet แบบที่เราถืออยู่นั้น กระจายไปตามยี่ห้อต่างๆ ด้วยได้แก่

- Mapan MX913
- ZeePad 9"

ถ้าตาม link ที่บอกไว้ข้างบน จะสังเกตุเห็นว่า แต่ละยี่ห้อนั้น รูปร่างหน้าตา Tablet
แทบจะเหมือนกัน 100% .... แล้วที่ถืออยู่ในมือ ... มันยี่ห้ออะไรกันแน่ !!!!
จึงเป็นเหตุที่ต้องเริ่มหาวิธี Flash ROM ....

Flash ROM จน Tablet Bricked

หลังจากตามอ่านทั้งเวปไทย และ เวปนอก ... ก็พบว่า ... การที่จะ flash rom ลง tablet จีนได้นั้น
จำเป็นที่จะต้องใช้ผ่าน Program ที่มีชื่อว่า "LiveSuite" ซึ่งเจ้าโปรแกรมนี้ก็มีหลายเวอร์ชั่นมาก ...
ตามหาบน อากู๋ ก็แทบจะดมยาดม เพราะไม่รู้ว่า ที่ปล่อยให้โหลดอยู่นั้น
จะมี malware มาด้วยหรือเปล่า .... ชีวิตไม่อยากจะเสี่ยงขนาดนั้น
เลยต้องเลือกโหลดจากแหล่งที่ "พอ" เชื่อถือได้ ....
ข้อจำกัดของ LiveSuite ที่พบคือก็ต้องหา android usb เอง และยังมีปัญหากับ 64bit OS ด้วย ...
ซึ่งแก้ปัญหาแบบง่ายๆ คือ ... หา 32 bit มาใช้ หรือไม่ก็ ทำบน VM แทน .....

Bricked แล้ว แก้ไขยังไง ?

ตอนนั้น มืดแปดด้านมาก เพราะกว่าจะรู้ว่า Tablet ที่มีอยู่นั้น คือรุ่น "A13 F9"
ทำเอาเครียดไปหลายวัน ... สิ่งที่ทำได้ ณ ขณะนั้น คือ Flash ROM ที่พอหามาได้
ลองไปเรื่อยๆ ... ยังพอโชคดีบ้าง ที่เวลา tablet จีน brick ยังสามารถเข้าโหมด flash rom ได้ ...
ซึ่งก็ไม่น่ากลัวเท่าไหร่นัก (เหรอ) ....

สัจธรรมข้อที่สอง หลังจาก ทำ Tablet Brick ไปนั้น คือ ....

รูปลักษณ์ภายนอกอาจจะเหมือนกัน ... แต่ข้างในไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน 

ซึ่งถ้าตามทฤษฎีแล้ว ... hardware ที่เหมือนกันก็ควรทำงานได้เหมือนกัน
แต่เนื่องจาก A13 Chipset ของพี่จีนนั้น ยิ่งใหญ่เกรียงไกรมาก
ถึงขนาดมี Mk.I Mk.II มากมายเลยทีเดียว ... (เปรียบเทียบ)
เลยทำให้ "ข้างใน" ของ Tablet นั้นไม่ตรงกัน
และทำให้ ROM แต่ละเจ้านั้น ใช้ด้วยกันด้วยไม่ได้ !!

สรุปว่าซื้อ Tablet จีนมา ควรใช้ตามยถากรรม ???

จากการลองผิดลองถูกมาพักใหญ่นั้น ขอตอบแบบตรงไปตรงมาว่า ... "ยังพอมีทาง"
ซึ่งจำเป็นที่จะต้องใช้ เครื่องมือที่ค่อนข้างพิเศษ และใช้ความรู้ทางด้าน คอมพิวเตอร์ ค่อนข้างสูง ...
นั่นคือ Uberizer ( Official site ต้องสมัครสมาชิกก่อน )...



ในตัว Uberizer นั้นได้มีการรวบรวมรุ่นของ Tablet ที่เป็น A13 Chipset มาไว้พอสมควรแล้ว ...
สามารถทำให้เรา "ลองของ" ด้วยการลอง ROM ของยี่ห้ออื่นๆ รวมไปถึง upgrade android
ได้ด้วยตัวเราเอง ...  ทำให้เรามีความเสี่ยงน้อยลงไปกว่าเดิมมาก ....

สรุปตามความเห็นของผู้เขียน ...

  1. Tablet จีนอาจจะราคาไม่แพง แต่ถึงอย่างไร ควรใช้งานตามสภาพตั้งแต่ซื้อมา ...
    หากหวังการ update firmware ก็ไม่ควรเลือกซื้อ ...
    แต่หากอยากใช้ Android และเงินไม่ใช่ประเด็นมากนัก ...
    ควรเลือกซื้อรุ่นที่ Google รองรับ ดังเช่น ตระกูล Nexus ต่างๆ เป็นต้น
  2. หากจำเป็นต้องซื้อ Tablet จีนเพื่อมาใช้งาน ... ควรเลือกซื้อยี่ห้อที่เป็น "รุ่นตลาด"
    หรือรุ่นยอดนิยม ... เพราะเวลาเราเจอปัญหา ... เราอาจจะไม่ใช่คนแรกที่เจอ
    และอาจจะมีทางแก้ไขรอไว้อยู่แล้ว
  3. หากอยาก "ลองของ" ควรหาทางที่จะ "Backup ROM" ที่ติดมากับเครื่องตั้งแต่แรก
    เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา "Flash ROM แล้ว Brick"
หากมีความเห็นอื่นๆ สามารถแนะนำกันได้ครับ :)

วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 09, 2556

รีวิว : Ninja Village - บูรพาไร้พ่าย มาอยู่ที่นี่แล้ว !!


หลังจากเห็น ScreenShot ของ Ninja Village ช่วงที่ออกใหม่ๆ
ถึงกับต้องพยายามหา Android Tablet มาเล่นให้ได้ครับ ...
เพราะชอบแนวสงครามอยู่แล้ว (ฮา)

Ninja Village เป็นเกมส์แนววางแผนสร้างหมู่บ้านที่แข็งแกร่ง ไปพร้อมกับ
วางแผนการรบเพื่อให้ได้เป็นผู้ยิ่งใหญ่บน Area ที่เราอยู่ให้ได้ !!

ระบบโดยรวมหลักๆ จะไม่ค่อยต่างกับ Epic Astro Story เท่าไหร่
แต่ความสนุกของภาคนี้ ดูเหมือนจะกิน Epic Astro Story ไม่ค่อยลงเท่าไหร่นัก ...


ระบบตัวละคร / หน่วยเงิน

ในภาคนี้หน่วยเงินของเกม จะมีแค่ "เงิน" เพียงอย่างเดียวครับ
พูดง่ายๆ ว่าหาตังได้เยอะ  หมู่บ้านก็แกร่งขึ้่นไว ...  ตัวละครหลักๆ
จะได้มาจากการ "จ้าง" เท่านั้น ... โดยเวลาที่เราสะสมโบนัส
เพื่อไปเล่นในเกมส์ถัดไปนั้น จะมีเวลาเพียงแค่ 16 ปี
หากปลดล็อค ไม่หมด ก็ไม่สามารถเอามาเล่นใหม่ได้ ในเกมถัดไป ...


ตัวละครที่เราจ้างมา จะมาช่วยทำงานในหมู่บ้านนินจาของเรา ...
สิ่งที่ควรวางแผนจึงหนีไม่พ้นการเลือกตัวละครว่าตัวใด
เหมาะสำหรับไปสู้ หรือตัวใดเหมาะสำหรับทำงานในหมู่บ้านเท่านั้น


ในตัวละครแต่ละตัวก็มี Skill มาให้ พร้อมกับช่องใส่อาวุธ / เครื่องป้องกัน / ของพิเศษ
ให้ตัวละ 3 ชิ้น .... อาวุธที่ใส่ได้ จะมี 2 ประเภทคือ

  • อาวุธประชิด ( ดาบ / หอก ขวาน )
  • อาวุธระยะไกล ( ปืน / ธนู )

ซึ่งในการต่อสู้ ปืน กับ ธนู นั้น จะถูกแยก Turn ออกจากกัน ...
หรือหากตัวละครเราเลือกที่ให้ขี่ม้า ก็จะแยกออกจาก Turn ของการสู้แบบประชิดด้วยเช่นกัน ...

ระบบต่อสู้ 


นอกจากจะต้องหาเงินเพื่อมายกระดับทหาร หรือจ้างตัวละครแล้ว
วิธีการที่จะได้ อาวุธ หรือ Tech ใหม่ๆ นั้น ยังมาจากการต่อสู้ในแผนที่หลักอีกด้วย ...
ระบบต่อสู้ใน Ninja Village จะแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะใหญ่ๆ คือ

  • Army Training ... เป็นการฝึกต่อสู้โดยเราจะเป็นฝ่าย Shogunate และมีทหารของ Imperial Army
    มาช่วยในการฝึก ซึ่งเป็นการฝึกฟรี แต่จะมีระยะเวลาในการ Cool Down ในแต่ละด่านเรื่อยๆ ...
    ระบบ Army Training นี้จึงเหมือนกับเป็นการเก็บ Lv ของทีมทหารเราเพราะถึงแม้จะแพ้ ก็จะได้
    Exp บางส่วนที่ทำให้ทีมเราแข็งแกร่งขึ้น ...
    หากเคยเล่น Epic Astro Story ก็จะเปรียบดั่ง Bottomless  Cavern นั่นเอง ( มี 99 Lv )

  • ตีเมือง ... เป็นการต่อสู้อีกแบบที่แทบจะคอยลุ้นระทึกว่าทหารของเรา
    สามารถจะฝ่าด่านเมืองต่างๆ ไปได้หรือไม่ ในบางครั้งจำเป็นที่จะต้องมีการวางกลยุทธ์
    เพื่อทลายข้าศึกให้รวดเร็ว เพราะการสู้ในแต่ละฉากนั้นจะมีเวลาเพียง 3 ยกเท่านั้น ...
    หากปราบไม่หมด ก็จะไม่สามารถตีเมืองนั้นให้แตกได้ ...

  • ปราบหมู่บ้านนินจาอื่น ... ในการปราบหมู่บ้านนินจาอื่นเราจะไม่สามารถนำ
    ทหารของ Shogunate มาช่วยเราได้ สิ่งที่เราใช้ปราบโจร จึงมีเพียง ...
    ตัวละครที่เราจ้างไว้เท่านั้น ... ซึ่งในการปราบโจรบางครั้งอาจจะได้
    สัตว์เลี้ยงที่สามารถสวมใส่ ได้มาอีกด้วย


สรุป ...

เป็นเกมส์ดูดเวลา อีกเกมส์ครับ ... แต่ถ้าคนเล่นเก่งๆ เล่นใหม่ 2-3 รอบ น่าจะจับทางได้แล้ว
เพราะ pattern การวางผังเมืองค่อนข้างจำกัด และตัวละครที่เก่งๆ ค่อนข้างที่จะ Unique ....
ถ้าจับทางถูกอาจจะเบื่อเร็ว


Tips & Tricks
  • ทีมที่ลุย ควรมีตัวละครที่มี chain attack และ rapid shot คละกันไว้
    เผื่อเวลาปราบหมู่บ้านนินจาจะทำได้ง่ายขึ้น
  • การนำทัพที่ดี ควรหาตัวละครที่มี skill strategy lv 3+
    ไว้ในแต่ละประเภทของทหาร จะทำให้ทลายค่ายเมืองได้ง่ายกว่ามาก
  • พลปืน ... จะสามารถช่วยโจมตี พลทหารราบได้ดี ... แต่ไม่ควรละเลยกับพลธนู
    ( ทำให้สมดุลกันดีที่สุด )
  • พวกมาก ... ยังไงก็ชนะ ....


References :

รายละเอียดเกมส์แบบละเอียด จัดเต็มที่นี่ได้เลยครับ :)

วันอังคาร, พฤษภาคม 07, 2556

[Blog] เท้าพลิก ... อย่าซ่า


ตอนนี้เป็นไอ้เป๋ อยู่ครับ ... เหตุเกิดจากความซุ่มซ่าม จนได้เรื่อง ...
เพราะตกบันไดสะพานลอยเพียง 1 ขั้น  ....

ที่มาเขียน Blog วันนี้ อยากจะไว้ย้ำเตือนความจำตัวเอง + คนที่ผ่านมา หน่อยว่า
เวลาหากเท้าพลิก อย่าคิดว่าเล็กๆ น้อยๆ ไม่เป็นอะไร ... 
หาหมอรักษาดีที่สุด ครับ เพราะหากพลิกบ่อยๆ อาจจะแย่ได้ ... 
อย่างกรณีที่เป็นอยู่นี้  ... ต้องใส่เฝือกอ่อนไว้ 7 วันเลยทีเดียว  ...
ไม่สนุกเลยกับการใส่เฝือก ...
และไม่เคยรู้สึกว่าต้องไปหาหมอด้วยอาการหมดสภาพเช่นนี้ (นั่งรถเข็น)

เท่าที่ฟังหมอ วินิจฉัยอาการ และ เอารูปตรงที่หมอชี้ๆ มาเปิดเทียบกับในอากู๋  ...
case ที่โดน คือ Calcaneofibular Ligament ฉีก / อักเสบ ... ทั้งหมอ ทั้งบุรุษพยาบาล
บอกกันเป็นเสียงเดียวว่ากว่าจะหายขาด ก็ปาไป 4-5 อาทิตย์ แน่นอน ...
แต่ใส่เฝือกอ่อนระยะ 1 อาทิตย์ เพื่อให้มันสมานได้เร็วขึ้น ...

ผลที่ตามมาคือ ....

ผ่าง ....... evo เป็นไอ้เป๋
ก็ไม่รู้ว่า จะหายจริงหรือเปล่า แต่ตอนนี้เวลายาหมดฤทธิ์ก็ยังไม่หายปวด ( ขึ้นวันที่ 4 แล้ว )
หายไวก็ดี ... แต่หากหลังถอด คงต้องเลิกซ่า เป็นการถาวร ...

References :
http://men.kapook.com/view39232.html



วันอังคาร, เมษายน 30, 2556

[CR] รากหญ้า ลองของกับ AIS 3G ใหม่ แบบ pre-released


พอดีได้ตามข่าวบน twitter เีกี่ยวกับ 3G ใหม่ ตั้งแต่ช่วงมีนา ...
ก็เลยได้มีโอกาสไปกดรหัสสมัครไว้ตั้งแต่ช่วงนั้น จน เมื่ออาทิตย์ก่อน 
ก็ได้ SMS มายืนยันให้ทำการ upgrade  ....
คนระดับรากหญ้าอย่างเรา (ไม่ได้เป็น เซเรเนด ) ... 
เลยได้ลองใช้ก่อนที่เค้าจะเปิดตัวเต็มครับ

ปล. ช่วงนี้กระแส Blogger รับตังโฆษณามีเยอะ ...  เลยออกตัวก่อนว่า Customer Review ล้วนๆ นะจ๊ะ ...

คำถาม และ คำตอบส่วนใหญ่ อยู่ในเวปของ AIS อยู่แล้ว ... วิ่งไปอ่านได้ ที่นี่ เลย ... 

ส่วนที่ focus หลักๆ ใน 3G มีอยู่ด้วยกัน 3 หัวข้อครับ ...

1. Usability


 เรื่อง usability ยอมรับว่าทำมาค่อนข้างดี ...
อย่างน้อยก็มี SMS บอกมาเลยเป็น Step ไว้แล้วว่าต้องทำอะไร 1 2 3 4 ...
ค่อนข้าง impressive กับระบบ wizard ... 

ซึ่งหากใช้ iPhone / iPad ก็มี APN installer ให้เรียบร้อย ...
แต่ยังแอบสงสัยว่าทำไมถึง unsigned ....
เลยสรุปเอาเองไปก่อนว่าคงเป็นเพราะ pre-released (มั้ง)

มีแอบมีใส่ AIS App Store พ่วงมาด้วยหลังจากลง APN ....



2. Speed


ย่านบางบัวทองย่านสีลม
มองว่าอาจจะเป็นช่วง pre-released คนใช้อาจจะไม่เยอะ(มาก) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ...
แถวบ้านที่เป็นชนบท ...ก็เลยใช้ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ ว่า ...
(โคตร) แรงส์ !! เร็วกว่าเนตที่บ้านอีก ... !!

แต่ถ้าใช้งานจริงๆ คงต้องดูยาวๆ ว่าต่อไปจะเป็นยังไง ...

3. Reliable

ความเสถียรที่เจอยังน้อยอยู่ โดยเฉพาะ Zone ที่เป็นถนนตัดใหม่ อย่างเส้นราชพฤกษ์ + พระราม 5
แต่เขตชุมชนในเมือง ที่ใช้ดูก็เจอปัญหาหลายแบบเหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะ iPhone เ้องด้วย ...
เอาเป็นว่า เขียนเฉพาะ Zone ที่เจอปัญหา แล้วกัน ...


  • แถวธรรมศาสตร์ ... มีสัญญาณ แต่เนตไม่วิ่ง ... งง
  • ถนนราชพฤกษ์ + พระราม 5 ... มีแต่สัญญาณโทรศัพท์ แต่ไม่มีเนต ..
  • เซนทรัลลาดพร้าว ... ใช้คลื่น 2100 ได้รับความรู้สึกไม่ต่างกับคลื่น 900 ...
    มีสัญญาณ แต่เนตไม่วิ่ง ต้องเปลี่ยนมาใช้ WIFI แทน ...
  • Zone ศาลาแดง + ถนนหน้าจามจุรี ... ไม่รู้ผ่านย่านนี้ทีไร iPhone ร้อนมาก ทุกที ...
    จุดอับสัญญาณ ? หรือใกล้คู่แข่งมากไป ก็ไม่รู้แฮะ ...

สรุป


ความพึงพอใจตอนนี้อยู่ระดับ 2 / 5 ต้องรอดูว่าหลังจากเปิดบริการจริงๆ แล้วจะเป็นแบบไหน ....
และค่ายอื่นเป็นอย่างไร ... ต้องติดตามต่อไป ๕๕๕ ( แต่ต้องใช้ให้ครบสัญญา 24 เดือนก่อนนี่สิ ... )


วันอาทิตย์, เมษายน 28, 2556

รีวิว : Pocket Stable - ไปเลย มากิบาโอ !!!


ได้ Tablet จีน มาใช้ครับ หลังจากที่ upgrade The Mom's iPad เป็น The Mom's iPad with Retina Display เลยได้กลับมา รีวิวเกมส์ของ KairoSoft อีกรอบครับ :P

Pocket Stable จะบอกไดัว่าเป็นภาคต่อของ Grandprix Story ก็อาจจะเรียกได้แบบนั้น
แต่หากมันเป็นภาคต่อ ก็ต้องมี "อะไรที่เจ๋งกว่า"
ภาคที่แล้ว ... ที่มาพร้อม "ความเครียดกว่า" ในแบบของ KairoSoft ด้วยเช่นกัน

เมื่อเทียบกับ Grandprix Story
ที่เดินเนื้อเรื่องของเกมส์แบบเสันตรง ( สร้างรถ > แข่ง > ซ่อม > อัพเกรด )
มาใน Pocket Stable เราจะต้องทำสิ่งที่มากกว่า "แข่ง"
นั่นคือ ดูแลฟาร์มม้า ของเราด้วยนั่นเอง !!!

ระบบตัวละคร
ตัวละครใน pocket stable จะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ

มัาแข่ง
ไว้สำหรับปลดล็อคนักท่องเที่ยวที่มีอยู่ในแต่ละ สนามแข่ง ...
โดยปกติ ม้าแข่งจะมีการเพิ่ม skill ตามตารางฝึกที่เราเตรียมไว้
แต่เราสามารถใช้เงิน หรือ เหรียญค้นคว้าเพื่อทำการฝึกพิเศษได้ด้วย
อีกทั้งยังมีการติด skill พิเศษ ให้กับม้าตัวนั้นๆ ได้ตาม Slot ที่ม้าตัวนั้นมี
เพื่อเพิ่มคุณสมบัติบางประการที่ทำให้ม้าเราเก่งขึ้นได้

จ็อกกี้
จ็อกกี้เป็นผู้ที่ใช้ในการบังคับม้า และเป็นผู้ฝึกม้า ...
จึงเป็นส่วนเสริมที่ทำให้เราสามารถชนะการแข่งได้ ..
โดยตัวเกมส์จะมีการหมุนเวียนจ็อกกี้ให้เราสามารถว่าจ้างมาใช้ในฟาร์มได้ ...
แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับการปลดล็อคของสนามแข่งด้วยเช่นกัน ....

นักท่องเที่ยว
เป็นหัวใจหลักที่เป็นที่มาของ แหล่งเงินทุน และ เหรียญค้นคว้า เพราะจากการแข่งขัน
เราจะได้เหรียญค้นคว้าต่อเมื่อชนะการแข่งในสนามนั้นๆ เท่านั้น ซึ่งหากเราสามารถ
เพิ่ม satisfy ของนักท่องเที่ยวได้มากๆ จะทำให้เราสามารถใช้เหรียญค้นคว้า และเงินทุน
ได้ตามแผนการที่วางไว้อย่างสะดวกสบาย


ระบบแข่งม้า ( Race )



โดยการแข่งม้านั้น จะมีรอบให้เราแข่งได้ทุกเดือน และ การปลดล็อคนักท่องเที่ยว
ก็จะขึ้นอยู่กับ ฝีมือของม้า + จ็อกกี้ ของเราด้วยว่าจะสามารถชนะการแข่งในสนามนั้นๆ ได้หรือไม่ ...
โดยสนามในเกมส์ จะแบ่งตาม พื้นผิวของสนาม , ประเภทของ League และ สนามลับ ... เป็นต้น ...
จุดที่สำคัญของระบบการแข่ง คือ พื้นผิวของสนามที่มาในรูปแบบของ พื้นหญ้า และ พื้นขรุขระ
รวมไปถึง ระยะทางที่ม้าแข่งจำเป็นต้องวิ่ง .... ซึ่งหากเราวางแผนไม่ดี หรือม้ากำลังไม่พอ
จะทำให้เราเสีย Stamina ของม้าไปโดยใช่เหตุ



ระบบดูแลฟาร์ม ( Ranch ) 



นอกจากการแข่งม้าแล้ว ... เงินทุน , ค่าที่ใช้ในการวิจัย , item พิเศษ ต่างๆ
ล้วนมาจากนักท่องเที่ยวแทบทั้งสิ้น ดังนั้น เราจะสนใจเพียงแค่แข่งม้าอย่างเดียวไม่ได้ ...
จะต้องสนใจ Satisfy ของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ...
เพราะเป็นแหล่งเงินทุนเดียวที่นอกเหนือจากการแข่ง ...


)ระบบเพาะพันธุ์ม้า ( Breeding )
ที่ Highlight ที่สุดของ Pocket Stable นี้คงหนีไม่พ้นระบบเพาะพันธุ์ม้า ...
เพราะการที่จะให้ม้าเราเก่งได้นั้น ... แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยหากเราจะเทียบ
ม้าที่ซื้อมากับม้าที่เราเพาะพันธุ์ เอง ( แต่บางทีม้าที่เราเพาะเองอาจจะห่วยกว่า )
ม้าในเกมส์นี้มีถึง 20 สายพันธุ์ ซึ่งเมื่อเทียบกับจำนวนประเภทรถแข่ง
ใน Grand Prix Story แล้วบอกได้ว่า "เยอะกว่ามาก"  .... และในการเพาะพันธุ์นั้น
เราสามารถ Carry Genetic ของม้าที่เราทำการผสมนั้น ออกมาได้ 5 Genetic
ซึ่งหากเราทำการเพาะพันธุ์ม้าโดยไม่คำนึงถึง Genetic ที่สามารถ Carry มาได้
เราก็จะไม่มีม้าที่นำมาช่วยในฟาร์มเราได้เลย ....



สรุป

  • เกมนี้ค่อนข้างเครียดกว่า Grand Prix Story ....  เหมาะสำหรับพวก Hard Core หรือคนที่เริ่มเบื่อๆ กับ Grand Prix Story เพราะนอกจากจะต้องวางแผนแข่งม้าแล้ว ยังต้องวางแผนไว้ดูแลฟาร์มอีกด้วย
  • การจะปลดล็อคม้าได้นั้น ในบางกรณีจะต้องทำให้ Satisfy ของนักท่องเที่ยวเต็มก่อน ... จึงค่อนข้างยากที่จะเล่น 3-4 รอบ แล้วปลดล็อคม้าได้ทั้งหมด ....
  • ม้า 1 ตัว มีช่วงอายุที่แข่งได้อยู่เพียง 3 - 4 ปี ... โดยอายุของม้าจะเพิ่มขึ้น 1 ปี ทุกครั้งที่ถึงเดือน 1 ของปีถัดไป ดังนั้นการจับเวลาการเพาะพันธุ์ม้าว่าจะสำเร็จเดือนไหนจึงสำคัญมาก ...
  • สนามฝึกไม่จำเป็นต้องสร้างทุกอัน ... สร้างเฉพาะที่จำเป็น แล้วเอาเงินไปถมกับการเพิ่ม Satisfy ของลูกค้าดีกว่า ...

Genetic Combo ( from AdeptGamer ):

For a grass racing horse, use this one:

1st generation : Python + Hefty - Strength +20, Stamina +100, Gate +20
2nd generation : 1st generation foal + Sneaker - Strength +20, Stamina +100, Gate +40, Speed +50
3rd generation : 2nd generation foal + Cheateau - Strength +20, Stamina +100, Gate +40, Speed +100, Intensity +50
4th generation : 3rd generation foal + Bouffant - Stamina +100, Gate +40, Speed +100, Intensity +100, Dexterity + 50 [Final breed - Bouffant]

For a dirt racing horse, use this one:

1st generation : Sneaker + Chateau - Strength +20, Speed +100, Intensity +50
2nd generation : 1st generation foal + DeGrasse - Strength +40, Speed +100, Intensity +100, Temper +20
3rd generation : 2nd generation foal + Charger - Strength +40, Speed +100, Intensity +100, Temper +40, Stamina +50
4th generation : 3rd generation foal + Toadstool - Speed +100, Intensity +100, Temper +40, Stamina +100, Strength + 20 [Final breed - Toadstool]




รายละเอียดแบบละเอียดโคตรๆ ดูได้ที่ link ด้านล่างครับ

References :
http://adeptgamer.com/forum/pages/pocket-stables-guide/

วันอาทิตย์, เมษายน 21, 2556

รีวิว : Oblivion (2013)


เห็นว่าเป็นหนัง Sci-fi เลยจัดเสียหน่อยครับ ...
ตัวอย่างหนัง เรื่องย่อ ดูได้ที่นี่ ครับ ( ไม่ได้เป็นพนักงานที่บริษัทนั้นนะครับ #ฮา)

เนื้อเรื่องหนังในตอนแรก พอดูจาก Trailer ก็พอเดาได้ว่าใครเป็นบอสใหญ่ ....
เพราะเนื่องจากดูหนังแนว Sci-fi มีออกมาเยอะ ....
และส่วนใหญ่เนื้อเรื่องจะไม่ค่อยเด่น เน้นอัดสิ่งของต่างๆ ให้ดู Hi-Tech เข้าไว้ ...
เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่เข้าข่ายหนังแบบที่กล่าวไว้ข้างบน .... แต่โดยรวมก็สนุกดีครับ ...

มารีวิวกันเลยดีกว่า ...

  • หนังแนวมนุษย์ต่างดาวบุกโลก ... โดยเนื้อเรื่องถูก scope ไว้เป็นช่วงหลังสงคราม
  • จุดที่น่าสนใจคือ หนังพยายามสื่อว่า
    "ผู้ที่ทำตามกฎระเบียบ อย่างเคร่งครัดและไม่รู้จักสงสัยหรือสังเกตุ จะไม่มีวันได้เจอทางเลือกอื่นๆ"
  • ดูแล้ว รู้สึกเหมือน มานั่งดู The Matrix version 2013 มีมอเฟียส และ นีโอ ...
  • คาดว่าหนังต้นทุนต่ำ ( ลงทุนกับ CG ไปเยอะ ) เลยดูว่าตัวละครแสดง emotion ได้คุ้มดี ...
  • อุปกรณ์ hi-tech มาก  CG ทำออกมาเยี่ยม ... ฉากต่อสู้พอถัวๆ ไปได้ 
  • ถ้าทำหัว blank ๆ ก่อนเข้าไปดู และ follow emotion ตามพระเอก จะสนุกกับเรื่่องนี้
  • ชอบ quote "เราจะแก่ไปด้วยกัน และจะอ้วนไปด้วยกัน" :)
  • หากชอบ ทอมครูส เป็นการส่วนตัว แนะนำให้จัดหนัก IMAX แต่ถ้าไม่ ... Digital ธรรมดาก็พอ ...
สรุป ... ถ้าไม่ใช่แฟน Sci-fi ตัวยง หรือไม่เน้น Adventure ... แนะนำให้ข้ามไปครับ ...


วันอังคาร, เมษายน 16, 2556

[Blog] TOS & PAD .. Puzzle Game ที่ติดงอมแงม ณ ขณะนี้ ...



ผ่านพ้นช่วง Peak ของเกมส์ ทั้ง 2 เกมส์นี้ไปแล้ว ก็เลยได้ฤกษ์มาเขียน Blog ครับ :)
โดยส่วนตัวแล้วชอบเล่นเกมส์ลักษณะ Puzzle มากกว่าเกมส์แนวไหนๆ อยู่แล้ว 
ถ้าสมัยก่อน ไม่ว่าจะเป็น Tetris , Tetris Attack (Yoshi Panel de pon) หรือพวก  Super Puzzle Fighter II
ก็ผ่านมือมาหมดแล้ว :P มาถึงยุคนี้ คงต้องหาเกมส์แนวนี้เล่นเป็นแน่แท้ ...

เกมส์ลักษณะ Puzzle บน platform ที่เป็น iOS และ Android ก็นับว่ามีหลายเกมส์ 
แต่ ณ เวลานี้ เกมส์ที่ถูกพูดถึงมากพอสมควร คงหนีไม่พ้น Tower of Saviors กับ Puzzle & Dragon 
ทั้งสองเกมส์ มีรูปแบบไม่ต่างกัน คือเป็น Puzzle เกมส์ เหมือนกัน ( เรียง 3 สี )
แต่สิ่งที่ต่างจากเกมส์ด้านบนๆคือ เราต้อง ฝึกฝนพลพรรคของเราให้เก่งขึ้น
เพื่อผ่านด่าน ต่อๆ ไปด้วย .... งานนี้ Online เท่านั้น .... Offline หมดสิทธิ์นะจ๊ะ ...


Tower of Saviors 


เป็นเกมส์ Puzzle ออกแนว Dark ๆ หน่อย ... ภาพจะไม่การ์ตูนมากนัก ... 
เหมาะสำหรับคนที่ชอบภาพสวยแต่ไม่เน้นการ์ตูน (ฮา)


UI ของเกมส์ค่อนข้าง Smooth เมื่อเทียบกับ PAD ( Puzzle And Dragon )
มีสามารถจัดชุดทีมที่ใช้ในการลุยแต่ละด่านได้ 5 ชุด 
มี Enchant Stone ที่มีพลังทำลายมากกว่า block ปกติ ....
โหลดเล่นสบาย ( หาจาก Thai Store ของ iOS และ Android ได้เลย )
จำนวน Monster ค่อนข้างน้อย ... เมื่อเทียบกับ PAD


Puzzle & Dragon

เป็นเกมส์ที่ค่อนข้างดังมากใน ญี่ปุ่น .. ได้ยินมาว่าเป็นค่ายที่ทำ RO ( Ragnarok Online )
เลยค่อนข้างไม่แปลกใจกับ Graphic รวมไปถึงตัวละครในเกมส์ ....
ภาพจะออกแนวน่ารักและการ์ตูนมาก ...
UI ค่อนข้างสับสนในตัวเอง .... (ซับซ้อนกว่า TOS )
รายละเอียดเกมส์มีเยอะมาก เมื่อเทียบกับ TOS ที่เล่นเป็นเส้นตรง ...
Community ค่อนข้าง Active เพราะเป็น อันดับ 1 ที่ญี่ปุ่น
โหลดเล่นลำบาก ... เพราะมีแต่  US กับ JP
สำหรับคนที่ App Store Account เป็นไทย ต้องหา apk (สำหรับ Android)
หรือสร้าง Account เป็น US เพื่อเล่นแทน

Download Link :

iOS: https://itunes.apple.com/us/app/puzzle-dragons-english/id563474464
Google Play: https://play.google.com/store/apps/details?id=jp.gungho.padEN

Game Data Fanpage : http://www.puzzledragonx.com/en/monsterbook.asp


Trick & Tips :

  • ทั้งสองเกมส์ หากทำการลบเกมส์จะทำให้ข้อมูลหาย
    ถ้าเป็นไปได้ควร Backup หรือ Bind ID ไว้กับพวก Facebook จะช่วยได้ระดับหนึ่ง
  • เวลาเริ่มเกมส์ จะมีการสุ่ม Monster เทพมาให้ 1 ตัว
    หากได้ Monster ระดับน้อยกว่า 5 ดาว หรือไม่ถูกใจ แนะนำให้ลบเกมส์ แล้วลงใหม่
  • แต่ละเกมส์จะมี Event เพื่อให้ได้ gem ระหว่างเล่น ทำให้เราหมุนหา Monster เทพได้อีกเรื่อยๆ
    (แต่กว่าจะได้มาแต่ละเม็ด จะช้ามาก)
  • Ally เทพๆ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราผ่านด่าน :P (ขึ้นอยู่กับว่าเค้าจะรับเราเป็๋น Ally หรือไม่ )

สรุป ... แม้ทั้ง 2 เกมส์จะมีลักษณะคล้ายๆ กัน เหมือน Copy Cat 
แต่สุดท้ายแล้ว ในฐานะ Consumer ก็สนใจเพียงแค่ว่าเกมส์ไหนมันจะ Active มากกว่ากัน
แค่นั้นก็พอแล้วครับ : )